วันพุธที่ 2 ธันวาคม พ.ศ. 2558

จงรักษาความเป็นอันหนึ่งใจเดียวกัน

จงรักษาความเป็นอันหนึ่งใจเดียวกัน


คือให้สุภาพอ่อนน้อมอยู่เสมอ รวมทั้งให้ใจเย็นๆและอดทนต่อกันและกันด้วยความรัก ให้พยายามสุดความสามารถที่จะรักษาความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันที่ได้รับจากพระวิญญาณ ด้วยการใช้สันติสุขเป็นเชือกผูกมัดพวกคุณไว้ด้วยกัน
เอเฟซัส 4:2-3


หลายคนที่เป็นคริสเตียนไม่ค่อยยากที่จะเป็นพยาน และเหมือนเป็นการเพิกเฉยที่จะบอกใครว่าเราเป็นบุตรพระคริสต์ แต่รู้หรือไม่ ใครที่ปฏิเสธพระบิดาพระบิดาก็จะเพิกเฉยกับเราด้วย ดังนั้นเราควรความมุ่งมั่น อุทิศตน อย่าให้ในยุคของเราทั้งหลาย ไม่มีใครเห็นคุณค่าของพระคุณ รวมทั้งสายสัมพันธ์ของผู้ที่เชื่อในพระเยซู เราจำเป็นที่จะต้องมีการพยายามมากขึ้น มีใจรักอย่างอดทน มีการเสียสละความสุขส่วนตน และการตั้งมั่นในการตัดสินใจมากขึ้น และกล้าที่จะยอมรับพระบิดาของเรา มีลูกคนไหนที่ปฏิเสธพ่อตัวเองแล้วได้สมบัติจากพ่อมั่ง แต่ในทางกลับกันใครที่เป็นบุตรที่รักก็จะได้สมบัติที่มากมายมิใช่หรือ

ให้เราอ่านคำอธิษฐานของพระเยซูในตอนที่ทรงอธิษฐานสำหรับความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในยอห์นบทที่ 17 แล้วคิดไตร่ตรอง ว่าทำไมเราไม่พยายามทุกวิถีทางที่จะให้ร่างกายของพระองค์เป็นอันหนึ่งอันเดียวกัน และรักษาสายสัมพันธ์กับคนของพระองค์ด้วยความรัก และความอดทน ในเมื่อความรอดของเรามาจากการที่พระเยซูต้องเสียสละชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อเราทั้งที่พระองค์ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ ทำไมเราจึงไม่ทำตามที่พระเยซูบอก ในเมื่อความพยายามที่เราทำได้ดีที่สุดคือ รักษาความเป็นอันหนึ่งอันเเดียวกันในครอบครัวพระคริสต์ซึ่งไม่ใช่เรื่องยากแต่อย่างใด
เอเมน

Power by I9 จงรักษาความเป็นอันหนึ่งใจเดียวกัน

วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อย่าเพิกเฉยต่อการทรงเรียก แต่จงเฉยเสียต่อการเปรียบเทียบ

อย่าเพิกเฉยต่อการทรงเรียก แต่จงเฉยเสียต่อการเปรียบเทียบ

พระเจ้าไม่ได้เรียกให้พวกเรามาเป็นคนสกปรกลามก แต่เรียกให้พวกเรามาเป็นคนบริสุทธิ์สำหรับพระองค์ ดังนั้น คนที่ปฏิเสธคำสอนนี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธมนุษย์ แต่ปฏิเสธพระเจ้าผู้ที่มอบพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ให้กับพวกคุณ
1 เธสะโลนิกา 4:7-8

อย่าเพิกเฉยต่อการทรงเรียก แต่จงเฉยเสียต่อการเปรียบเทียบ

ผมว่าหลายคนคงได้ยินเรื่องการทรงเรียก คงมีความคิดที่แย้งบ้างแหละว่าพระองค์เรียกเรา หรือว่าเราเข้ามาหาพระองค์ การที่ท่านเข้ามาหานั่นคือการทรงเรียก เพราะการที่เข้ามาอยู่ในทางพระองค์คือน้ำใจที่พระองค์มองให้มีอีกกี่คนที่แสวงหาทางรอด แต่ไม่ได้เข้ามา 
การเมินเสียจากการทรงเรียกเพื่อให้เราเข้าสู่ความบริสุทธิ์นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย เพียงเราใช้ชีวิตให้เหมือนเดิม เพราะมาตรฐานการใช่ชีวิตบนโลกเป็นทางที่ต่างจากทางพระองค์อยู่แล้ว ทางที่ซาตานให้เราเปรียบเทียบชีวิตเรากับคนรอบข้างตลอดเวลา หลอกลวงเราว่าเราบาปน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่จริงๆ แล้วประเด็นไม่ได้อยู่ที่การเปรียบเทียบความบาป ประเด็นที่ต้องสนใจก็คือ จิตใจที่ขอบพระคุณที่ทรงชำระแล้วโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และทรงช่วยให้รอดโดยพระคุณ 
ดังนั้นการเพิกเฉยไม่สนใจการทรงเรียกของพระวิญญาณบริสุทธิ์คือ การปฏิเสธพระเจ้า ให้เราตั้งใจในเรื่องของการมีชีวิตที่บริสุทธิ์มากขึ้น เพราะพระเจ้าอยากให้เราบริสุทธิ์ และนั่นคือสิ่งที่เราควรจะแสวงหา
เมื่อพบแล้วท่านยังจะปล่อยให้สิ่งดีๆ หายไปจากชีวิตท่านอย่างงั้นหรือ เอเมน

Power By I9 อย่าเพิกเฉยต่อการทรงเรียก แต่จงเฉยเสียต่อการเปรียบเทียบ

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การยืนต้านด้วยความเชื่อชีวิตก็จะดีขึ้น

การยืนต้านด้วยความเชื่อชีวิตก็จะดีขึ้น


ดังนั้น ให้อุทิศตัวต่อพระเจ้าและต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีไปจากคุณ เข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า แล้วพระองค์จะเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคุณ พวกคนบาปทั้งหลาย ล้างมือให้สะอาด และคนโลเลทั้งหลายทำใจให้บริสุทธิ์
ยากอบ 4:7-8

การยืนต้านด้วยความเชื่อชีวิตก็จะดีขึ้น

หากเราจะดูแก่นแท้ของการทรงเรียก ก็เพื่อให้เราใกล้ชิดกับพระบิดา เมื่อเราได้เรียนรู้ รู้จักกับพระองค์ ได้เข้าเฝ้า การใกล้ชิดที่มากขึ้น เราจะเรียนรู้ ถ่อยคำ พระวจนะ และซึมซับเอาพระวจนะนั้นมาปฏิบัติตาม เราจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดการรู้คิด มีจุดประสงค์ในใจใหม่ เปลี่ยนการกระทำ ของเราเป็นการกระทำที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความชอบธรรม และตั้งอยู่ในความบริสุทธิของพระองค์
ในขณะเดียวกันคุณเองก็รู้ว่าสิ่งชั่วร้ายได้ถูกไล่ออกมาโดยรัศมีของชีวิตที่บริสุทธิ์ขององค์พระบิดาเรา ให้เราแสวงหาพระเจ้า ให้เราใกล้ชิดกับพระองค์ ให้เราร้องขอให้พระองค์ชำระเราเพื่อที่เราจะเป็นของพระองค์ทั้งหมด และทำให้เราบริสุทธิ์
ทั้งหมดนี้คือการยืนต้านด้วยความเชื่อ เมื่อคุณเชื่อ เรียนรู้ และเปลี่ยนแปลง จะไม่มีมารมาทำอะไรคุณได้
เอเมน

Power by I9 การยืนต้านด้วยความเชื่อชีวิตก็จะดีขึ้น

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างคือการถวายเกียรติ์

การใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างคือการถวายเกียรติ์


อย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียใจ พระเจ้าได้เอาพระวิญญาณนี้มาประทับตราพวกคุณไว้ เพื่อแสดงว่าพวกคุณเป็นของพระเจ้า และเพื่อรับรองว่าพระเจ้าจะปลดปล่อยให้พวกคุณเป็นอิสระในวันนั้น กำจัดสิ่งเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปจากพวกคุณ คือความขมขื่นทั้งหมด ความโกรธแค้น การทะเลาะวิวาท และการใส่ร้ายป้ายสี รวมถึงความชั่วทุกชนิด
เอเฟซัส 4:30-31

การใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างคือการถวายเกียรติ์
การใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างคือการถวายเกียรติ์

เมื่ออ่านพระธรรมในวันนี้หากคุณมีคำถามว่าเออจะต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระบิดาเจ้าเสียใจ เรื่องนี้จริงๆ เป็นเรื่องง่ายก็ว่าง่าย จะว่ายากก็ว่ายากแล้วแต่การปฏิบัติตันของคุณว่าคุณจะเลือกอะไรก่อน โลกนี้ เพื่อนฝูง เงินทอง หรือว่าพระเจ้า เพราะหากคุณเลือกพระเจ้าก่อนท่านก็จะได้ชื่อว่าไม่ทำให้พระองค์เสียใจ แต่ใช่ว่าจะเข้าโบถ์ทุกวันอาทิตย์ แต่จันทร์ถึงเสาร์ เมามาย ใช้ชีวิตเหมือนเดิมก่อนรับเชื่อ ใช้ชีวิตไม่ถวายเกียรติ์ 
อย่างไรคือไม่ถวายเกียรติ์ ใช้ชีวิตด้วยความขมขื่นใจหรือ แสดงความโกรธแค้นหรือ ทะเลาะวิวาทกับคนอื่นหรือ ใส่ร้ายคนอื่นในขณะเดียวกันก็คิดร้ายต่อพวกเขาด้วยอย่างนั้นหรือ สิ่งเหล่านี้ตรงข้ามกับสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์อยากที่จะให้เกิดขึ้นในชีวิตเราอย่างสิ้นเชิง (กาลาเทีย 5: 22-23) หากท่านทำอย่างที่ว่ามา ก็ไม่แปลกใจเลยที่สิ่งเหล่านี้ทำให้พระเจ้าเสียใจ
ต่อให้คุณไป อธิฐาน ร้องเพลงนมัสการ เรียนพระคัมภีร์ แต่ก็ไม่ต่างจากแท่นบูชาที่ว่างเปล่า การถวายเกียรต์แด่พระบิดาเจ้าคือการใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่าง การที่เราเดินตามติดพระองค์ด้วยพระมหาบัญชา และบัญญัติของพระเยซูต่างหาก ที่เป็นการถวายเกียรต์ ศิริ แด่พระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิที่อยู่กับเราจะอยู่กับเรา และอวยพรในชีวิตเรา อย่าให้พระวิญญาณบริสุทธิของหนีหายจากการคุณหากทำผิดให้สารภาพบาป และขอการกลับใจใหม่เสีย เพื่อทางรอดที่จะเข้ามาในชีวิต
เอเมน 

Power by I9 การใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างคือการถวายเกียรติ์

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนามในเนื้อเปาโล สิ่งที่หลายคนสงสัยมันคืออะไร

หนามในเนื้อเปาโล สิ่งที่หลายคนสงสัยมันคืออะไร


เพื่อไม่ให้ข้าพเจ้าพยองเนื่องด้วยการสำแดงอันยิ่งใหญ่เลิศลำเหล่านี้ จึงทรงให้มีหนาวในเนื้อของข้าพเจ้า เป็นทูตของซานตานคอนทรมานข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าทูลวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้า สามครั้งให้ทรงเอาหนามนี้ออกออกไปจากข้าพเจ้า
2 โครินธ์ 12:7-8 

หนามในเนื้อเปาโล สิ่งที่หลายคนสงสัยมันคืออะไร
หนามในเนื้อเปาโล สิ่งที่หลายคนสงสัยมันคืออะไร

จากพระธรรมข้อนี้ เป็นเรื่องราวของอาจารย์เปาโลที่เขียนถึงพี่น้องในเมืองโครินธ์ ฉบับที่สอง ผมว่าหลายท่านคงเคยอ่านเจอ แต่มีใครสงสัยไหมว่า แต่สงสัยไหมว่าในเมื่ออาจารย์เปาโลได้รับการอวยพรที่มากมายขนาดนั้น ได้รับการสำแดงที่ยิ่งใหญ่ ท่านก็ยังมีสิ่งที่ทำให้ท่านเจ็บปวดที่ต้องของวิงวอนจากพระบิดาเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อให้เอาหนามนี้ออก 
คุณเคยสงสัยไหมว่าหนามมันคืออะไร ทำไมถึงทำให้นักอธิฐาน เป็นผู้เชื่อที่ทำการอัศจรรย์ได้มากมายขนาดอย่างอาจารย์เปาโลนั้นเจ็บปวดได้เป็นอันมาก และหนามนั้นเกิดจากทูตของซานตานไม่ได้เกิดจากพระเจ้า
เห็นไหมว่าแม้แต่ทูตก็ไม่ได้มีแต่ทูตที่ดี ไม่ได้มีแต่ทูตสวรรค์ แต่มีทูตของซาตานด้วย และก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้อาจารย์เปาโลต้องเจ็บปวด แต่ท่านจงจำไว้ว่า พระเจ้ากับซานตานไม่ได้อยู่ทีมเดียวกัน เช่นเดียวกับแสงไม่สามารถรวมกับความมืดได้ อย่าได้โทษว่าสิ่งนั้นคือการตีสอน เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะให้ท่านเป็นเช่นนั้น พระเจ้าคือผู้ช่วยให้รอด เราไม่ได้รับความรอดที่ในนาทีสุดท้ายของชีวิตนะครับ แต่เราได้รับความรอด ความรอดในที่นี้คือการช่วยกู้ ยื่นสิ่งดีดีให้คุณ นั่นคือความรอดที่ท่านได้รับเมื่อยังมีชีวิตอยู่ 
หนามมันคืออะไร หลายคนตีความหมายของคำว่าหนามคือ โรค ที่ทำให้ท่านเจ็บปวด แต่รู้ไหมว่าหนามในความหมายของอาจารย์เปาโลคือ เพื่อนมนุษย์ที่ทำให้ท่านต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ทำให้ท่านได้รับการข่มเหง ไม่ว่าจะเป็นการจับติดคุก ฏารโดนเขี่ยนตี ทรมาน 
คุณน่าจะรู้ว่าอาจารย์เปาโลคือ ฟาริสี คำว่าหนามเมื่อกลับไปค้นในพันธสัญญาเดิม มันคือผู้คนที่คอยรบกวนให้เราวุ่นวายในชีวิตนั่นเอง เมื่อผมกลับมาคิดหนามหากมันคือ โรคภัย คนที่มีความเชื่อขนาดนั้นการขอให้โรคหายคงเป็นเรื่องง่าย เพราะคงจะอธิฐานขอครั้งเดียวก็คงหายไปแล้ว แต่นี่ท่านทูลวิงวอนองค์พระบิดาเจ้าถึงสามครั้ง ดังนั้นจึงเป็นเหตุสนันสนุนว่าหนามคือมนุษย์ ดังมีปรากฏในพันธสัญญาเดิม (กดว. ๓๓ :๕๕, ยชว. ๒๓:๑๓, วนฉ. ๒:๓) อาจารย์เปาโลท่านใช้คำในพระคัมภีร์เดิมอธิบายถึงศัตรูซึ่งเป็นมนุษย์ซึ่ง "คอยทุบตี" ท่านดังต่อไปนี้  "ข้าพเจ้าติดคุก ข้าพเจ้าถูกโบยตีเกินขนาด ข้าพเจ้าหวิดตายบ่อยๆ พวกยูเดียเฆี่ยนข้าพเจ้าห้าครั้ง ครั้งละสามสิบเก้าที  เขาตีข้าพเจ้าด้วยตะบองสามครั้ง  เขาเอาก้อนหินขว้างข้าพเจ้าครั้งหนึ่ง การเผชิญโจรภัย  เผชิญภัยจากชนชาติของข้าพเจ้าเอง   เผชิญภัยจากคนต่างชาติ เผชิญภัยจากพี่น้องทรยศ 
นี่เองคือหนาม ในชีวิตเราเองก็ต้องพบเจอกับหนามนี้เช่นกันแต่เราจงดูอาจารย์เปาโลเป็นตัวอย่าง และอย่าได้ยอมแพ้ แต่จงอวดความอ่อนแอของเราให้ได้อย่างท่าน แล้วความอ่อนแอจะเป็นความยิ่งใหญ่ในชีวิตเรา เอเมน

Power by I9 หนามในเนื้อเปาโล สิ่งที่หลายคนสงสัยมันคืออะไร

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อย่าได้อยู่กับความสิ้นหวัง แต่จงหาที่พึ่ง

อย่าได้อยู่กับความสิ้นหวัง แต่จงหาที่พึ่ง

ข้าแต่พระเจ้า ผู้พิสูจน์ว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วยเถิด เมื่อข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ ตอนที่ข้าพเจ้าจนตรอก พระองค์ได้ช่วยให้ข้าพเจ้าออกมาเป็นอิสระ ขอเมตตาข้าพเจ้า ช่วยฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าด้วยเถิด
เพลงสดุดี 4:1

อย่าได้อยู่กับความสิ้นหวัง แต่จงหาที่พึ่ง
อย่าได้อยู่กับความสิ้นหวัง แต่จงหาที่พึ่ง

หากอ่านดูตอนแรกผมเองคิดว่า แอร้ยยย มันเป็นการออกคำสั่งหรือเปล่า เป็นการออกคำสั่งกับพระบิดาเชียวหรือแล้วใครเป็นคนอธิฐานในบทสดุดีบทนี้ จริงๆ เป็นการอธิฐานของดาวิด จริงๆ ไม่ใช่การออกคำสั่งอะไรเลย แต่นี่คือการอธิฐานที่บอกถึงความสิ้นหวังจริงๆ 
ผมว่าหลายคนเจอปัยหาแบบหาทางออกไม่ได้ และผมเองก็เคยรับเป็นที่ปรึกษาให้กับคนที่สิ้นหวังด้วยบ่อยๆ บางทีผมอดคิดไม่ได้ว่า เขาไม่เคยมีที่พึ่งทางใจเลยหรอ ไม่มีความหวังอะไรแล้วหรอ และพระบิดาเจ้าไม่ใช่ทางออกของเขาพระเขาคือผู้ที่ไม่เชื่อ ผมเองก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เลยบอกออกไปว่าลองไปหาในสิ่งที่คุณเชื่อสิ แต่อย่างเดียวที่ผมขอคืออย่าไปหาหมอดูเด็ดขาดไม่งั้นปัญหาของคุณจะใหญ่กว่าเดิม 
ออกนกเรื่องเสียไกลจริงๆ ผมเองอยากให้คุณลองอ่านดูว่าพระธรรมสดุดีตอนจบเป็นอย่างไร ผมคิดว่ามี 3 อย่างที่สำคัญและเป็นเคล็ดลับของการอยู่รอดจากความยากลำบากนั่นคือ
1. ความสัตย์ซื่อในชีวิตการอธิษฐานของเราต่อพระเจ้า 
2.ความมั่นใจที่รู้ว่าพระเจ้าฟังและใส่ใจเราแม้ว่าคำอธิษฐานของเราจะฟังไม่เป็นคำ เพราะความเจ็บปวดและสิ่งที่มารบกวน 
3. การสรรเสริญที่มาจากใจ ที่เรารวมไว้ในคำอธิษฐานของเราแม้ว่าสิ่งต่างๆ ดูสิ้นหวังไปหมด 
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่ใช่สูตรวิเศษอะไร แต่เป็นการเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้ฝ่ายจิตวิญญาณของเรา ลองอ่านพระธรรมสดุดีบทที่ 4 ดูนะครับแล้วท่านจะได้รับความเชื่ออย่างมาก 
การอธิฐานด้วยความเชื่อ การอวยพรก็จะเป็นไปตามความเชื่อ เอเมน 

Power By I9 อย่าได้อยู่กับความสิ้นหวัง แต่จงหาที่พึ่ง

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อย่าได้อวดอ้างตัวเอง แต่จงวางใจในการช่วยกู้

อย่าได้อวดอ้างตัวเอง แต่จงวางใจในการช่วยกู้

ทีนี้จะเหลืออะไรให้อวดอีก ไม่เหลืออะไรแล้ว ทำไมล่ะ เป็นเพราะกฎข้อไหนหรือ ใช่เรื่องที่ให้ทำตามกฎหรือเปล่า ไม่ใช่เลย แต่เป็นเรื่องของความไว้วางใจต่างหาก เพราะเรารู้ว่าการที่พระเจ้าจะยอมรับใครนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาทำตามสิ่งต่างๆ ที่กฎบอกให้ทำหรือเปล่า แต่ขึ้นอยู่กับการที่เขาไว้วางใจ
โรม 3:27-28

อย่าได้อวดอ้างตัวเอง แต่จงวางใจในการช่วยกู้
อย่าได้อวดอ้างตัวเอง แต่จงวางใจในการช่วยกู้

พระธรรมบทนี้ บอกว่า เราได้รับความรอดผ่านทางพระบุตร โดยพระเยซูได้จัดเป็นเครื่องบูชา มันแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงรักเรามากขนาดไหน พระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่พระองค์ทรงประทานมาให้เพื่อให้ตายแทนเรา แบกเองความบาปไปจากเรา เราไม่สามารถเป็นคนชอบธรรมตามมาตรฐานของกฎบัญญัติได้ ชีวิตเราเต็มไปด้วยความผิด และเต็มไปด้วยบาป  เราไม่มีอะไรที่จะโอ้อวดได้เลย นอกจากพระคุณความเมตตาของพระเจ้าที่ให้เราอย่างล้นเหลือ และการเสียสละเพราะความรักที่ให้เราอย่างมากมาย พระเจ้าให้ความรอดแก่เราโดยการส่งพระเยซูเพื่อมาตายแทนหนี้ความบาปของเรา 
ข้อนี้บอกอะไรเรา บอกให้เราวางใจ วางใจในพระบิดา วางใจในความเชื่อ เราไม่ได้ทำตามบัญญัติอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องของความวางใจต่างหาก แล้วพระบิดาเจ้าจะยอมรับเรา 
คริสเตียนไม่ได้บอกว่า เราเก่ง เราเป็นคนมีความรู้ แต่เรา คือคนที่พึ่งพาพระองค์ ให้พระองค์เป็นผู้ช่วยกู้จากปัญหาต่างๆ  เราจึงผ่านเรื่องทุกอย่างได้ 
จงดำรงค์อยู่ในความเชื่อ เอเมน