วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อย่าติดอยู่กับคำแช่งสาป แต่จงรับสิทธิพิเศษที่เราพึงได้เถิด

พระคริสต์ได้ช่วยพวกเราให้เป็นอิสระจากคำสาปแช่งของกฎด้วยการยอมถูกสาปแช่งเสียเอง เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “ทุกคนที่ถูกแขวนอยู่บนต้นไม้คือคนที่ถูกสาปแช่ง”
กาลาเทีย 3:13

อย่าติดอยู่กับคำแช่งสาป แต่จงรับสิทธิพิเศษที่เราพึงได้เถิด

คำสาปแช่งในชีวิตของชาวคริสต์นั้นชาวคริสต์ฝ่ายวิญญาณนั้นคงไม่มีการแช่งสาปใคร แต่ผมทุกคนต้องเคยโดยกันมั่งแหละกับคำสาปแช่ง ดูถูกแย้ยหยัน แต่คำสวปแช่งในข้องพระคำภีร์นี้ไม่ได้แค่หมายถึงตอนที่พระเยซูถูกเยาะเย้ย และผู้ที่ใส่ร้ายพระองค์สาปแช่งพระองค์เท่านั้น แต่หมายถึงคำสาปจากมารที่มารต้องทำให้สำเร็จก่อนที่พระบิดาจะทำให้เราเข้าสู่ดินแดนแห่งสันติสุขได้นั่นคือ "ความตาย" เมื่อพระองค์รับคำสาปแช่งแห่งความตายเพราะความบาปของพวกเรา
พระองค์ต้องทำในสิ่งที่อัปยศ ทรยศ มากกว่าที่ใครจะนึกถึง คือพระองค์ได้ตายบนไม้กางเขน พระองค์ถูกแขวนไว้กับไม้ต่อหน้าฝูงชนที่พากันเย้ยหยัน พระองค์ถูกฆ่าราวกับว่าเป็นคนที่ต่ำต้อย แม้นแต่เสื้อผ้าก็ยังโดยเอาไป ตายเหมือนคนที่ไม่มีอะไร พระองค์เกิดอย่างต่ำต้อย ตายอย่างไรค่า แต่ทั้งหมดนั้นพระองค์ทรงทำเพื่อผู้เชื่อทุกท่าน แต่อย่างไรก็ตามสิ่งสวยงามที่เกิดขึ้นจากความอับอายและความเสื่อมเสียนั้นคือ สิ่งที่พระเจ้าทำกลายเป็นการไถ่บาปของเรา การเย้ยหยันและการถูกสาปแช่งของพระเยซู กลับปลดปล่อยเราจากคำสาปแช่งของบาปเราเอง ดังนั้นเราควรสรรเสริญพระบิดาเจ้า สรรเสริญพระเยซู และเรียนรู่ที่จะอภัยให้คนที่ด่าแช่งเรา เมื่ออ่านมาถึงตรงนี้ผมว่าหลายคนคนแย้งว่ามันไม่ง่ายนะ จริงครับมันไม่ง่ายหรอก แต่เราต้องฝึก อธิฐานเผื่อเขาให้เขาหลุดพ้น "เมื่อเขาตบแก้มขวาให้หันแก้มซ้ายให้เขาตบ" อันนี้ไม่ได้บอกอย่างประชดนะครับ แต่เป็นการบอกว่าอย่าตอบแทนการร้ายโดนการร้าย เราควรให้อภัยเขา อธิฐานให้เขา อย่าตอบแทนโดยการแช่งสาปกลับ

ทั้งหมดมีสิบสองคน พระองค์แต่งตั้งทั้งสิบสองคนนี้ให้เป็นศิษย์เอกเพื่อจะได้มาอยู่กับพระองค์ และพระองค์ต้องการที่จะส่งพวกเขาออกไปสั่งสอนด้วย พระองค์ให้พวกเขามีอำนาจที่จะขับไล่ผีชั่วด้วย
มาระโก 3:14

พระเยซูมอบสิทธิอำนานให้คนทั้งสิบสอง เพราะอะไรลองอ่านข้อพระคัมภีร์อีกครั้งดู ประโยคที่สะกิดให้ผมอยากจะนำมาขยายคือ "เพื่อจะได้มาอยู่กับพระองค์" ประโยคนี้แหละครับที่บอกเราว่าใหเราใกล้ชิดสนิทกับพระองค์ แล้วเราจะได้สิทธิอำนาจเหมือนดังศิษย์ทั้งสิบสอง เราเองก็สามารถวางมือรักษา ขับผีออกเหมือนดังสาวกทั้งสิบสองเพราะการแต่งตั้งโดยพระเยซูโดยความเชื่อ
เมื่อกล่าวถึงการอยู่ด้วยกับพระองค์ ผมนึกถึงพระคัมภีร์กิจการ 4:13 "พวกเขาต่างก็นึกขึ้นมาได้ว่า เปโตรและยอห์นเคยอยู่กับพระเยซูมาก่อน " แม้นว่าเราจะไม่ได้อยู่กับพระองค์เหมือนดังศิษย์เอกทั้งสิบสองคน แต่เรามีพระคัมภีร์ที่บอกเล่าเรื่องราวของพระเยซูได้ เมื่อไหร่คือครั้งสุดท้ายที่คุณนั่งลงและอ่านพระคัมภีร์ นานเท่าไรแล้วที่เราได้หยิบเอาพระคัมภีร์ขึ้นมาอ่าน นานเท่าไรที่เราเฝ้าเดี่ยว หากมันนานแล้วทำไมไม่ลองเริ่มในวันนี้ละครับ
เอเมน

Power by I9 พระคัมภีร์สอนใจ เสริมสร้างกำลังใจ

วันอังคารที่ 27 ตุลาคม พ.ศ. 2558

บอกกล่าวกับบิดาของเจ้า จงมีชีวิตอยู่โดยความไว้วางใจ

แต่คนที่พึ่งการทำตามกฎจะตกอยู่ภายใต้คำสาปแช่ง เพราะพระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “คนที่ไม่ทำตามกฎทุกข้อที่เขียนไว้ตลอดเวลา ก็จะอยู่ตกอยู่ภายใต้คำสาปแช่ง” แต่เราก็รู้อยู่แล้วว่า ไม่มีใครเป็นที่ยอมรับของพระเจ้าได้เพราะทำตามกฎ เพราะพระคัมภีร์บอกว่า “คนที่พระเจ้ายอมรับนั้น จะต้องมีชีวิตอยู่โดยความไว้วางใจ”
กาลาเทีย 3:10-11

บอกกล่าวกับบิดาของเจ้า จงมีชีวิตอยู่โดยความไว้วางใจ 

เป็นที่รู้กันว่าภายได้พันธสัญญาใหม่เราไม่ต้องทำอะไรให้วุ่นวายเหมือนพันธสัญญาเดิม ที่เราต้องถวายเครื่องสัตวบูชา เราต้องขอบคุณพระเจ้าที่พระองค์ได้จัดเตรียมเครื่องถวายบูชาที่ชำระความบาปของเรา ด้วยความเชื่อ ที่ทำให้เรากลายเป็นคนชอบธรรม เพราะว่าไม่มีใครที่รักษากฏของพระเจ้าได้ครบถ้วน ด้วยพระคุณอันไม่มีที่สิ้นสุดของพระองค์ พระเจ้าส่งพระเยซูมาทำในสิ่งที่เราไม่สามารถทำได้ นั่นคือ การใช้ชีวิตโดยปราศจากตำหนิ และการมอบชีวิตของพระองค์เองเพื่อเป็นเครื่องถวายบูชาที่ปราศจากตำหนิ เพื่อที่จะไถ่เราจากความบาปของเรา เราไม่ต้องมีชีวิตตามกฏบัญญัติ เพื่อที่จะพยายามให้เป็นผู้ที่บริบูรณ์และเพื่อให้พระเจ้ายอมรับ
แต่ในทางกลับกันโดยความเชื่อ เราไว้วางใจในพระเจ้า ว่าพระองค์จะมองเราผ่านความสมบูรณ์แบบของพระคริสต์ ไม่ใช่มองจากความผิดบาปของเรา พระองค์จะตัดสินเราโดยยึดความบริสุทธิ์ของพระคริสต์ ไม่ใช่การที่เราทำตัวไม่เหมาะสม พระองค์จะมองเราผ่านความชอบธรรมของพระบุตรของพระองค์ ไม่ใช่ความอธรรมของเรา โดยการกระทำที่กล่าวมานี้ เราเติมเต็มความชอบธรรมแห่งกฏปฎิบัติ โดยที่ไม่ต้องมีชีวิตติดอยู่กับคำสาปแช่งของกฏปฎิบัติ โดยวิธีที่ง่ายกว่าเดิม
แต่อย่างที่บอกว่า ไม่มีใครที่จะเป็นที่ยอมรับเพราะทำตามกฏ แต่คนที่พระองค์ทรงเรียก และใกล้ชิดสนิทกับพระองค์จะทรงเป็นที่โปรดปราน ดังนั้นจึงไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไมมีบางคนที่เชื่อมาเป็นสิบๆ ปีก็ยังหนีหายหลงจากทางพระองค์ พระบิดาเจ้าทรงเรียกเราเข้ามาแล้วใยเราจึงไม่ทำน้ำพระทัยเหล่า

ถ้าอย่างนั้นจะว่าอย่างไร พวกเราคนยิวได้เปรียบกว่าคนที่ไม่ใช่ยิวอย่างนั้นหรือ ไม่เลย เพราะเราบอกแล้วว่า ทั้งคนยิวและคนที่ไม่ใช่ยิวก็อยู่ใต้อำนาจของบาปกันทั้งนั้น เหมือนกับที่พระคัมภีร์เขียนไว้ว่า “ไม่มีใครทำตามใจพระเจ้าเลย ไม่มีเลยสักคนเดียว"
โรม 3:9-10

ข้อพระคัมภีร์นี้ปรากฏในโรมันบทที่ 3 โดยอาจารย์เปาโลกำลังเน้นย้ำว่า ไม่มีใครที่จะรู้จักความสมบูรณ์แบบและความบริสุทธิ์ของพระเจ้าได้ แล้วเราจะทำอย่างไรเพื่อที่เราจะหลุดพ้นจากอำนาจของความบาป คำตอบของพระบิดาเจ้าคือ พระเยซู ซึ่งนั่นเป็นคำตอบของเราด้วย
เราได้ชื่อว่าเป็นบุตรของพระบิดาเจ้า และมีสิทธิมากมาย สามารถขอ หรือทำการอัศจรรย์ได้สารพัดในนามของพระเยซูคริสต์ ไม่ว่าเราเองจะเกิดเป็นชาวยิวหรือชาวต่างชาติ เพราะพระบิดาทรงชำระเรา และเราก็ได้เป็นลูกหลานของอับราฮัมโดยการสืบความเชื่อ
ประโยคที่ว่า “ไม่มีใครทำตามใจพระเจ้าเลย ไม่มีเลยสักคนเดียว" คือเรามันหลงระเริงในทางของมารมากกว่าการใกล้ชิดสนิทกับพระองค์ เรามักจะคิดถึงพระองค์เป็นลำดับท้ายๆ และหลายคนไม่รู้ว่าการอธิฐาน บอกกล่าวกับพระองค์นั้น ดีกว่าการบอกเล่าให้กับเพื่อนมนุษย์ด้วยกันเสียอีก แต่เราก็มักจะนึกถึงพระองค์ในตอนสุดท้ายที่เราหาทางออกแล้วไม่ได้จริงๆ
ลูกควรที่จะพูดคุณกับแม่พ่ออย่างไร เราก็ควรอธิฐานบอกกล่าวกับพระองค์อย่างนั้น
เอเมน

Power By I9 ข้อพระคัมภีร์สอนใจ

วันจันทร์ที่ 26 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อย่าหลงกับการล่อลวง แต่จงทำตัวให้มีค่า

ความรอดพ้นมาจากพระยาห์เวห์ ขอพระองค์อวยพรคนของพระองค์ด้วยเถิด
เพลงสดุดี 3:8

อย่าหลงกับการล่อลวง แต่จงทำตัวให้มีค่า

หลายคนที่ได้อ่านผ่านมากับข้อนี้ คงจะคิดแค่ว่าความรอด มันคือชีวิตหลังความตาย แท้ที่จริงพระบิดาเจ้าเป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดและพระองค์ทรงทำการช่วยกู้มานานแล้วตั้งแต่สมัยที่ช่วยอิสราเอลให้ข้ามทะเลแดง ตอนที่หนีจากกองทัพทหารของฟาโรห์ จนมาถึงตอนนี้ที่ช่วยให้เราหลุดพ้นจากความบาปและความตายผ่านทางพระเยซูคริสต์ 
แท้ที่จริงพระองค์เป็นพระผู้ช่วยให้รอดที่ยิ่งใหญ่จริงๆ ดังนั้นให้เราอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอให้กับคนที่ต้องการการช่วยกู้ของพระเจ้า เพื่อพวกเขาจะได้พ้นจาความบาป ความตาย โรคร้าย ปัญหาครอบครัว การเสพติด ความกังวลด้านการเงิน ปัญหาเรื่องกฎต่างๆ ปัญหาด้านจิตใจ การกระทำทารุณ และการล่อลวงต่างๆ จริงๆ 
ทุกอย่างที่พระองค์สัญญาไว้คุณได้อาศัยความเชื่อไหมว่าคุณได้รับมันมาแล้ว อย่าได้ปล่อยให้ความเชื่อเป็นการสะดุดก้อนหิน เพราะหลายอย่างอาศัยความเชื่อและผลของน้ำคำ ไม่ใช่ว่าเพียงแต่ขอ แต่จงทำตามอย่างที่บอกว่าจงสนิทในเรา หมายถึงพระบิดาเจ้า แล้วจะเกิดตามคำขอและเป็นไปตามความเชื่อ

แต่เพราะเห็นแก่พระคริสต์ สิ่งต่างๆ เหล่านั้นที่ครั้งหนึ่งผมถือว่ามีค่ามาก ตอนนี้ผมถือว่าไร้ค่าแล้ว ความจริงแล้ว ผมถือว่าทุกอย่างนั้นไร้ค่า เพราะเห็นแก่สิ่งที่มีค่ายิ่งกว่านั้นมากนัก คือการที่ได้รู้จักพระเยซูคริสต์เจ้าของผม ผมยอมสูญสิ้นทุกอย่างเพื่อพระคริสต์ และถือว่าสิ่งเหล่านั้นเป็นเหมือนขยะ เพื่อจะได้พระคริสต์
ฟิลิปปี 3:7-8

คำพูดนี้เป็นของอาจารย์เปาโล หลายคนคงจะรู้ว่าก่อนที่เปาโลจะมาเป็นคริสเตียน เขาทำหลายสิ่งหลายอย่างที่ถือว่าเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่ตามศาสนายิว 
แต่เมื่อเขาได้พบกับเรื่องอัศจรรย์จากพระบิดาเจ้า จงยอมถวายตัวมาเป็นคริสเตียน เปาโลนั้นได้อุทิศตัวให้กับพระคำของพระเจ้าอย่างเต็มที่ เปาโลถือว่าสิ่งที่เขาทำในอดีตนั้น เป็นเรื่องที่พลาดอย่างมาก ทุกอย่างที่ทำเป็นเหมือนขยะ เมื่อเทียบกับการได้รู้จักพระคริสต์และพระคุณของพระองค์ สิ่งที่เขาได้รับคือความรอดในองค์พระเยซู ไม่ใช่แค่ความรอดจากความบาปของเขาและความตายเท่านั้น แต่เป็นความรอดที่ให้ชีวิตที่เต็มเปี่ยมไปด้วยพระคุณและฤทธิ์อำนาจของพระเจ้า
เราได้ใช้ชีวิตของอาจารย์เปาโลมาใช้ในชีวิตบ้างไหม เมื่อก่อนคุณทำตัวอย่างไรเมื่อมารู้จักกับพระบิดา ได้ยึดไหมว่าจะเดินตามติดพระองค์ อย่างไม่ลดละ และไม่หลันกับไปยังทางเดิมที่ไม่ใช่ทางแห่งความรอด 
สิ่งมีค่าของท่านคืออะไร เงิน ทอง หรือคุณค่าของตัวคุณที่จะเป็นพรให้กับคนอื่นต่อไป อย่าเพียงสักเพียงแต่ขอ แต่จงติดสนิทในพระองค์ ทำอย่างไรถึงเรียกว่าเป็นการติดสนิทกับพระองค์ ถ้านิกไม่ออกนะก็เปรียบง่ายๆ หากคุณอยู่บ้านเดียวกันแต่ไม่เคยเลยที่จะพูดคุยกัยพ่อของท่านเอง แล้วพ่อของท่านจะรู้ได้อย่างไรว่าท่านเดือดร้อนเรื่องอะไร การติดสนิทในพระบิดาเจ้าก็เช่นกัน อ่านพระวจนะ อธิฐาน ของพร เฝ้าเดี่ยว นั้นคือการใกล้ชิดสนิทกับพระองค์
อาเมน 

Power by I9 ข้อพระธรรมหนุนใจ

อย่าเชื่อในการหลอกหลวง แต่จงเชื่อในการทรงนำ

อย่าเชื่อในการหลอกหลวง แต่จงเชื่อในการทรงนำ

หญิงนั้นก็มองดู เห็นว่าต้นนั้นดูน่ากินมาก มันช่างสวยงาม และยั่วยวนใจเหลือเกิน เพราะมันสามารถทำให้คนเฉลียวฉลาดได้ หญิงนั้นจึงเด็ดเอาผลของมันมากิน แล้วเธอก็ส่งให้สามีของเธอกินด้วย และเขาก็กินมัน
ปฐมกาล 3:6

อย่าเชื่อในการหลอกหลวง แต่จงเชื่อในการทรงนำ

หลายคนคงเคยได้อ่านหรือได้ฟังมาบ้าง ไม่งั้นคงไม่ใช่ชาวคริสต์อย่างแน่แท้ แต่หลายคนก็คงคิดแล้วว่า เพราะพวกเจ้าแท้ๆ ที่ทำผิดในสวนเอเดน แต่พวกคุณจะไปโทษพวกเขาได้อย่างไร เพราะเราสามารถทำได้และเราอยู่ในปัจจุบันขณะ แต่มันช่างเป็นเรื่องที่น่าเจ็บปวดยิ่งนัก ในเมื่อเรารู้จักทางของบาปมาเป็นพันๆ  ปีและมีบันaทึกไว้ แต่เราก็ยังทำตามวิถีเดิมๆ ในทางบาปนั้น เราถูกล่อลวงโดยสิ่งที่เราเห็นแล้วพอใจ เราหยุดเพื่อที่จะเข้าไปดูได้ใกล้ๆ แล้วก็ปล่อยให้ตัวเองติดอยู่กับความต้องการในบาป
บางคนลองเล่นกับความบาป และมีส่วนในการทำบาปนั้นด้วย ทั้งๆ ที่รู้แค่ก็ยังทำ สุดท้ายเราพาคนอื่นมาติดอยู่ในความบาปด้วย คุณคิดไหมว่าเราน่าจะเรียนรู้วงจรการทำบาปและควรจะหยุดมันได้แล้ว ดังนั้นด้วยการช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ทำไมเราไม่พยายามหยุดความบาปละวันนี้ เราสามารถทำได้นี่

ให้ไว้วางใจในพระยาห์เวห์ด้วยสุดใจของเจ้า และอย่าได้พึ่งความเข้าใจของตัวเจ้าเอง ให้เชื่อฟังพระองค์ในทุกหนทางของเจ้า แล้วพระองค์จะทำให้เส้นทางของเจ้าราบรื่น
สุภาษิต 3:5-6

เมื่อก่อนผมเป็นคนหนึ่งที่มั่นใจในทางของตน เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนที่มั่นใจและคิดว่าการแก้ปัญหามันเป็นหน้าที่ของเรา แต่ทุกวันนี้ผมเองเปลี่ยนให้พระเจ้าเป็นเข็มทิศชีวิต ตอนนี้มีหลายเรื่องที่ผมทำได้ดรกว่าเดิมเสียอีก ทั้งที่ผมคือคนเดิม ไม่ใช่คนใหม่ แต่ผมเป็นคนใหม่ในทางพระวิญญาน ไม่ว่าคุณเองจะเป็นคนที่มีความคิด ฉลาด หรือมีประสบการณ์ความรู้มากมายแค่ไหน
แต่เมื่อเดินในทางพระเจ้า การชี้นำจากพระเจ้าก็ยังเป็นเพียงผู้เดียวที่จะนำทุกๆ ย่างก้าวในชีวิตของเราได้ดีที่สุด พระเจ้าบอกให้เราวางใจในพระองค์และสติปัญญาของพระองค์ถึงแม้ว่าเราจะไม่สามารถเข้าใจเห็นผลต่างๆ ได้ในทันที พระเจ้าอยากให้เรารู้ว่าพระองค์ทรงอยู่ด้วยอยู่กันเราเสมอไม่ว่าสถาณะการณ์ไหน คุณต้องเรียนรู้เรื่องการทรงนำและพระคุณของพระองค์ในทุกๆ สิ่งที่เราทำ เมื่อเราวางใจและรู้ว่าพระองค์ทรงอยู่กับเรา เราก็จะเห็นว่าวิถีทางชีวิตของเราราบรื่นขึ้น และจุดหมายปลายทางในชีวิตเราก็ใกล้ขึ้นด้วย
เอเมน

Power By I9 ข้อพระธรรมสอนใจ

วันพุธที่ 21 ตุลาคม พ.ศ. 2558

จงเดินในทางอย่าได้ทำตามสันดานของมนุษย์

จงเดินในทางอย่าได้ทำตามสันดานของมนุษย์

เพราะคุณยังทำตามสันดานของมนุษย์ คือยังอิจฉาและทะเลาะวิวาทกัน แสดงว่าคุณยังทำตามสันดานมนุษย์เหมือนกับคนอื่นๆ ในโลกนี้
โครินธ์ 3:3

จงเดินในทางอย่าได้ทำตามสันดานของมนุษย์

ตามสัญชาติญาณคนเรามักจะพึ่งตัวเองก่อน ไม่ใช่เพราะความอวดรู้ หรืออวดความสามารถแต่อย่างไร แต่มันคือสัญชาติญาณของเราที่จะเอาตัวรอด แต่การเอาตัวรอดมันช่วยแต่ให้คุณอยู่รอดไปก็เท่านั้น ไม่ว่าใครก็มักจะยังคงมีสันดานมนุษย์ติดตัวอยู่เสมอ
ตั้งแต่สมัยก่อตังคริสต์จักรคนเมืองโครินทร์เองโอ้อวดเรื่องสติปัญญา ความสามารถ และความอดทนของพวกเขา คริสตจักรใด ก็ตามที่เต็มไปด้วยคนที่มีความสามารถ ความรู้ ความอดทน แต่คนของคริสตจักรนั้นยังมีแต่การทะเลาะวิวาท แบ่งพรรคแบ่งพวก ไม่สามารถที่จะทำงานร่วมกันได้ ได้แต่ทุ่มเถียงกัน มันแสดงให้เห็นว่าคริสตจักรนั้นไม่ได้เติบโตขึ้นเลย ดังนั้น การอยู่ร่วมกัน ในบรรดาผู้ที่มีข้อบกพร่องก็ยังดีกว่า เพราะเป็นที่ที่คนรู้จักพระคริสต์และเห็นถึงพระองค์ พึ่งในความสามารถของพระองค์ที่จะชี้นำทางพาให้คริสต์จักเติบโต


พระคริสต์เป็นชีวิตของพวกคุณ เมื่อพระองค์ปรากฏตัว คุณก็จะปรากฏตัวร่วมรับเกียรติพร้อมกับพระองค์ด้วย
โคโลสี 3:4

ตัวคุณคือวิหารของพระบิดาเจ้า พระคริสต์เป็นหนึ่งเดียวกับคนที่พึ่งพาพระองค์ ผู้ที่อยู่ในทางของพระองค์ ตอนนี้ทุกสิ่งดูสวยงามไปหมดสำหรับคุณ อากาศที่ดี คริสตจักรที่ดี คู่ครองที่น่ารัก ลูกๆ เป็นเด็กดี
คุณเองได้รับการอวยพระพรในทุกๆ สิ่ง แต่สิ่งต่างเหล่านี้จะเปลี่ยนไป ไม่มีอะไรอยู่ตลอดไปในชีวิตเรา ความรักเชื่อมโยงคนที่มีข้อบกพร่อง คนเราต้องแยกจากกัน อาจเป็นเพราะระยะทาง หรือการมีความเห็นไม่ตรงกัน และความตาย เมื่อถึงเวลาสิ่งเหล่านี้จะต้องเกิดขึ้นอย่างแน่นอน พระพรที่เราได้รับอย่างล้นเหลือในพระคริสต์คือ ชีวิตที่เที่ยงแท้และเป็นนิรันดร์ถูกซ่อนไว้กับพระคริสต์ในพระบิดาเจ้าแล้ว ดังนั้นแม้ว่าตอนนี้ก็มีแต่สิ่งดีๆ เกิดขึ้นในชีวิตของเรา แต่สิ่งเหล่านั้นจะสูญไป ไม่อยู่ถาวร แต่เมื่อพระเยซูเสด็จกลับมาคนทั้งหลายจะได้รับสง่าราศี จะได้เติมเต็มบริบูรณ์ ปราศจากตำหนิโดยมารซาตาน ความตายหรือความเสื่อมลง นั่นแหละคือข่าวดี

Power By I9 ข้อพระธรรมหนุนใจ

ของขวัญสุดวิเศษ ที่เทียบไม่ได้กับสิ่งใดๆ

ของขวัญสุดวิเศษ ที่เทียบไม่ได้กับสิ่งใดๆ 

ดูสิ พระบิดาให้ความรักอันยิ่งใหญ่กับเรามากขนาดไหน ถึงได้เรียกเราว่าเป็นลูกของพระองค์ และเราก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ โลกนี้ไม่รู้จักพระองค์ ซึ่งเป็นเหตุที่โลกไม่รู้จักเราเหมือนกัน
1 ยอห์น 3:1

ของขวัญสุดวิเศษ ที่เทียบไม่ได้กับสิ่งใดๆ 

ในโลกนี้แม้คุณจะเคยได้ของขวัญสุดวิเศษและมีค่าเกินกว่าที่จะหาถ้อยคำมาบรรยาย แต่ของขวัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดสำหรับชาวครอสต์อย่างเราคือการมีสิทธได้เป็นลูกของพระบิดาเจ้า พระองค์รับเราเข้ามาอยู่ในครอบครัวของพระองค์ พระเยซูรับเราเป็นน้องของพระองค์ หลายคนในโลกนี้ไม่ได้รู้ถึงความจริงในเรื่องนี้ แม้ว่าพระเยซูได้มาเกิดเป็นมนุษย์และมีชีวิตอยู่ท่ามกลางคนที่พระองค์ทรงสร้างก็ตาม พระวจนะของพระบิดาเจ้ายืนยันถึงความจริงเรื่องนี้ว่าเราเป็นลูกของพระเจ้า
เหตุนี้ท่านพึงระลึกเถิดว่าเราได้สิทธิที่พิเศษกว่าหลายคนบนโลกนี้ เราสามารถทพเรื่องอัศจรรย์ได้ในนามะองค์พระเยซูคริสต์ เพราะเรารู้จักพระองค์พระองค์จึงไม่ทอดทิ้งและให้เราสามารถทำเรื่องอัศจรรย์ ทำการขอ ในนามพระองค์ได้ 


ในเวลานั้น ยอห์นผู้ทำพิธีจุ่มน้ำ เริ่มประกาศสั่งสอนอยู่ในที่เปล่าเปลี่ยวแห้งแล้งในแคว้นยูเดีย เขาประกาศว่า “กลับตัวกลับใจเสียใหม่ เพราะอาณาจักรแห่งสวรรค์ใกล้มาถึงแล้ว”
มัทธิว 3:1-2

คำที่ยอห์นกล่าวมานั้นฟังดูแปลกในโลกที่กลัวการจะพูดความจริงเกี่ยวกับความบาป และความชั่วร้ายต่างๆ แต่อย่างไรก็ตามทุกคนที่หลงผิดต้องกลับใจ เปลี่ยนจิตใจ และชีวิต เดินทางติดตามแสวงหาพระเจ้า และอยู่เพื่อพระเยซูในฐานะที่พระองค์เป็นเจ้าชีวิต แน่นอนอยู่แล้วว่า เราได้รับความรอดเพราะพระคุณอันยิ่งใหญ่ของพระองค์ที่ทรงชำระแล้วที่ไม้กางเขน ในทางกลับกัน พระคุณที่ไม่ได้ทำให้เราเปลี่ยนแปลงก็ไม่ใช่พระคุณที่แท้จริง พระคุณพระเจ้าไม่ใช่แค่การที่เราได้รับการให้อภัยผ่านทางพระเยซูซึ่งเสียสละชีวิตของพระองค์บนไม้กางเขนเท่านั้น แต่พระคุณยังช่วยปลดปล่อยเราให้หลุดออกจากชีวิตที่ว่างเปล่า ชีวิตที่มีแต่การทำลาย ชีวิตที่ไม่มีพระเจ้าและการทรงนำของพระองค์
ชาวคริสต์ทุกคนรู้ดีว่าการที่เรา เดินในทางพระองค์แม้นจะลำบากแต่มันก็คุ้มค่าไม่ใช่หรือ หากใครที่เดินหลงทางก็ให้อธิฐานสารภาพและกลับใจใหม่เสีย
เอเมน 

Power By I9 ข้อพระธรรมหนุนใจ

วันจันทร์ที่ 19 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อย่าเพิ่งท้อแท้ในการทำดี คำปรึกษาที่ดีมีอยู่ในทุกท่าน

อย่าเพิ่งท้อแท้ในการทำดี เพราะเมื่อถึงเวลาที่เหมาะ คุณก็จะได้เก็บเกี่ยวผลจากการทำดีนั้น ถ้าไม่เลิกไปซะก่อน
กาลาเทีย 6:9

อย่าเพิ่งท้อแท้ในการทำดี คำปรึกษาที่ดีมีอยู่ในทุกท่าน

จริงอยู่แม้นว่าความท้อใจเป็นส่วนหนึ่งของชีวิต แม้หัวหน้าแคร์หรือผู้รับใช้หลายคนยอมรับว่าความท้อใจเป็นส่วนหนึ่งของงานเพื่อพระเจ้า แน่นอนว่าความท้อใจเป็นสิ่งที่เกิดกับเราเมื่อเราตั้งใจทำดีเพื่อคนอื่น
แต่อย่างไรเสียการอวยพระพรที่ยิ่งใหญ่ของพระบิดาเจ้าจะมาช้วยฟื้นฟูเรา เสริมกำลัง ช่วยรักษาเรา กระตุ้นเตือนเราให้ระลึกถึงพระองค์ พระองค์ทำโดยผ่านคำพูดที่ให้กำลังใจจากเพื่อน จากพระจวนะ ผ่านพระคัมภีร์ เพราะพระองค์เองได้อยู่ในเรา รู้ผ่านพระวิหาร
และพระคำ ความคิด ที่มาจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ ผ่านทางเพลงที่หนุนใจเราขึ้น ผ่านทางพระคัมภีร์และคำอธิษฐาน ดังนั้นถึงแม้ว่าร่างกายและจิตวิญญาณเราจะท้อแท้ แต่อย่างไรเสียอย่าได้ล้มเลิกที่จะทำดี ถ้าเรารับใช้อย่างสัตย์ซื่อ มีวินัย และซื่อตรง พระคุณของพระเจ้าจะให้กำลังเราในการทำสิ่งที่พระองค์เรียกให้เราทำ หลายคนตั้งใจที่จะทำนั่นทำนี่เพื่อพระบิดา แต่เมื่อทำไปซักพัก เหนื่อย ท้อ และก็เลิกไป พร้อมกับบ่นทีหลังว่าพระองค์ไม่เห็นจะช่วยอะไรเลย การรอคอย บางครั้งมันนานแต่พระองค์จะทราบว่าท่านรอได้นานสักเพียงใด แต่ท่านต้องไม่ท้อและเลิกไปเสียก่อน

ถึงจะมีสติปัญญา ความเข้าใจ และคำปรึกษาดีแค่ไหนก็ตาม ก็ช่วยไม่ได้หรอก ถ้าพระยาห์เวห์ต่อต้านเจ้า
สุภาษิต 21:30

เคยสังเกตุไหมว่าต่อให้าเราเริ่มต้นใหม่ยังไง หรือมีแผนการที่ยอดเยี่ยมขนาดไหน ผลสุดท้ายมันก็ไปได้ไไม่ดีเท่าที่คิดไว้ทั้งที่ทำมันอย่างเต็มที่ นั่นเป็นเพราะคุณเองไม่เดินไปกับพระบิดาเจ้า วันนี้ให้คุณกลับใจเสียใหม่พึ่งพาพลัง ความคิด ความสามารถที่มาจะพระบิดาเจ้า ถึงแม้จะไม่ใช่ความสำเร็จทางจิตวิญญาณ แต่การพึ่งพากำลัง ความสามรที่มาจากพระองค์นั้นเราจะทำได้อย่างน่าอัศจรรย์อย่างที่ไม่เคยคิดวาก่อน ขอให้เราอุทิศตนในการรับใช้พระเจ้า ในขณะที่เราวางแผนสำหรับวันข้างหน้า ให้เราแน่ใจว่าแผนการเหล่านั้นเป็นไปตามความประสงค์ของพระบิดาเจ้าที่เปิดเผยในพระคัมภีร์ และให้อธิษฐานใคร่ครวญถึงสิ่งที่พระเจ้าของเราต้องการให้เรากระทำให้สำเร็จ และขอพลัง ความคิด ความสามารถ ที่มาจากพระองค์ และพระองค์จะให้คุณประสบผลสำเร็จอย่างแน่นอน
เอเมน

Power by I9 ข้อพระธรรมหนุนใจ อย่าเพิ่งท้อแท้ในการทำดี คำปรึกษาที่ดีมีอยู่ในทุกท่าน

วันอาทิตย์ที่ 18 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เมื่อทุกข์ใจ ใครจะช่วยคุณ

เผชิญความทุกข์ยากทุกข์ใจ ใครจะช่วยคุณ กับข้อพระธรรมหนุนใจ

​เรา​จะต้อง​ทน​ความ​ยาก​ลำบาก​หลาย​อย่าง​ใน​การ​เข้า​สู่​แผ่นดิน​ของ​พระ​เจ้า
กจ. 14:22

เมื่อทุกข์ใจ ใครจะช่วยคุณ 

หลายคนที่รับเชื่อใหม่ๆ คงจะมีบ้างในข้องสงสัย ทำไมเราต้องมานมัสการทุกวันอาทิตย์ ตื่นแต่เช้า มาอธิฐาน มาเรียนพระคัมภีร์ มาฟังเทศนา ทำไมเราไม่นอนตื่นสายๆ แล้วใช้ชีวิตอย่างคนทั่วไป
แต่ท่านรู้หรือไม่ว่า การที่ท่านมานมัสการนั้นคือการยกพระเกียรติของพระบิดาเจ้าขึ้น และแสดงถึงความถ่อมใจของเรา และการที่เราจ่ายราคาเป็นเวลาให้กับพระองค์ อย่าให้เศษเวลากับพระองค์ เพราะมันคือการไม่ถวายเกียรติ แต่จงให้เวลาอย่างเต็มที่กระพระบิดาเจ้า การที่เราต้องผ่านหลายอย่างในวันอาทิตย์ หรือวันสะปาโตก็เพราะนั้นคือหนทางของการเข้าสู่แผ่นดินของพระองค์ ซึ่งชาวคริสต์หลายท่านเข้าใจผิดว่าการที่เรารับเชื่อมาแล้วคือเราได้รับความรอด ตามที่พระเยชูทรงสัญญาไว้แล้ว แต่ไม่เคยเลยที่จะมานมัสการ และคิดว่าต่อให้เราอยู่ที่ไหน นมัสการที่ไหนพระองค์ก็จะทรงอยู่กับเรา แต่หารู้ไม่ว่านั่นเป็นความคิดที่ผิด ผิดตั้งแต่คิดแล้ว เพราะท่านบอกไว้ในข้อพระคัมภีร์แล้วว่า หากผู้ใดที่สนิทในเราจะได้รับการดูแลที่ดีกว่า ตามความสนิท ยิ่งหากท่านไม่เคยเข้าโบสร่วมนมัสการเลยตั้งแต่รับเชื่อมา แล้ววันอาทิตย์ก็มัววุ่นกับ ธุระของตน บางครั้งก็เผลอทำผิด แล้วอย่างนี้พระบิดายัจะฟังคำขอจากบุตรผู้เดินผิดทางอีกหรือ
อย่าให้ความลำบากเป็นตัทำลายความสนิทใกล้ชิดพระองค์ อย่าให้ความลำบากขวางทางของพระองค์เผื่อที่จะจะได้ไม่พลาดแผ่นดินของพระองค์


​​พระ​เจ้า​แห่ง​พระ​คุณ​ทั้งสิ้นผู้​ได้​ทรง​เรียก​ให้​พวก​ท่าน​เข้า​ใน​ศักดิ์ศรี​นิรันดร์​ของ​พระ​องค์​ใน​พระ​เยซู​คริสต์​ ​พระ​องค์​เอง​ก็​จะ​ทรง​ฟื้นฟู​ จะ​ทรง​ค้ำ​จุน​ให้​มั่นคงจะ​ทรง​เสริม​เรี่ยว​แรงและ​จะ​ทรง​ให้​พวก​ท่าน​ตั้ง​มั่น​อยู่
1ปต. 5:10

จากข้อพระคัมภีร์จะเห็นว่า ทำไมเราถึงมารับเชื่อ มันไม่ได้เป็นพระเรา หรือเราอาจจะสนใจอยู่แล้วส่วนหนึ่ง แต่มันคือน้ำใจของพระองค์ที่ทรงเรียกให้เรานั้นมาอยู่ในทางของพระองค์ และเราเองก็ต้องตั้งมั่น เมื่อเกิดบาปก็ให้รีบกลับใจเสียใหม่ พระองค์จะทรงยกบาปให้ และฟื้นฟูน้ำใจของพวกเราเสียใหม่ พระเจ่าทรงเป็นกำลังให้เราเสมอ เพียงแต่เราเองต้องพึ่งพา อธิฐาน เพื่อให้เราอยู่ในทางของพระองค์ ไม่มีบิดาคนใดที่ไม่รักบุตรของตน ต่อให้บุตรจะเลวขนาดไหน แต่หากเรากลับใจสารภาพพ่อไม่สามารถเห็นลูกที่สำนึกผิดแล้ว และยังใจแข็งอยู่ได้หรอ พระคุณความรักของพระบิดาเจ้ายิ่งใหญ่หาผู้ใดเปรีบยมิได้
เมื่อท่านทรงเรียกเรามาแล้ว อย่าได้หลงหายไปจากทางพระองค์เลย มีคนอีกมากมายที่เขายังตกอยู่ในทางแห่งบาป แม่พระองค์จะทรงชำระให้แล้วแต่ เขายังขาดเงื่อไขอีกข้อคือ เชื่อและวางใจในพระองค์ แต่เมื่อเราทำครบเงื่อนไขแล้ว ได้รับการยกบาป และมีสิทธิส่วนในแผ่นดินของพระองค์แล้วท่านจะทิ้งมันไปหรือ

จงเดินในทางของพระองค์แม้นหนทางจะจะแคบ ลำบาก และมีหลุมบ่อมากมาย แต่พระองค์จะอยู่กับเราเสมอ และพระองค์รู้ว่าเราทนได้ ในอุปสรรคถึงได้เรียกอย่าให้น้ำพระทัยของพระองค์เสียเปล่า
เอเมน

Power by I9 ข้อพระธรรมหนุนใจ

วันพฤหัสบดีที่ 15 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ความขัดสนคือการทำลาย หาใช่น้ำใจไม่

เหตุฉะนั้นถ้าผู้ใดอยู่ในพระคริสต์ ผู้นั้นก็เป็นคนที่ถูกสร้างใหม่แล้ว สิ่งสารพัดที่เก่าๆก็ล่วงไป นี่แน่ะกลายเป็นสิ่งใหม่ทั้งนั้น
2โครินธ์ 5:17

ความขัดสนคือการทำลาย หาใช่น้ำใจมาก

เมื่อเรากลับใจ และรับความเชื่อเราถูกพระเจ้าสร้างขึ้นใหม่แล้ว และเราควรทิ้งสิ่งเก่าที่เราเคยทำ ดังที่มีข้อพระธรรมบอกว่า อย่างเอาผ้าเก่ามาปะผ้าใหม่ ชีวิตเราก็เหมือนกัน เราจะยึดกับสิ่งเดิมๆ อยู่ได้อย่างไร ในเมื่อพระพรลงมาหาท่านโดยท่านเป็นผู้ที่ถูกเรียกโดยพระองค์ และเมื่อท่านมาเจอกับพระบิดาแล้ว พระบิดาได้สร้างท่านเป็นคนใหม่ แต่บางครั้งท่านกลับไปใช้ชีวิตในแบบเดิมๆ และบอกว่าไหนบอกว่าพระเจ้าสร้างข้าใหม่แล้ว แล้วใยข้ายังเหนื่อย ยังวุ่นวาย อยู่เหมือนเดิม เป็นดเพราะเหตุใดกัน นั้นก็เพราะว่าท่านไม่เคยทิ้งตัวตนและยังแบกเอามันไปด้วยทุกที่แทนที่คุณจะวางใจในพระบิดา
ดังนั้นท่านควรที่จะวางใจเพราะว่าท่านถูกสร้างขึ้นมาใหม่แล้ว ก็ทิ้งสิ่งเก่า ความเชื่อเก่า รับเอาสิ่งดีๆ ที่พระบิดาเจ้าทรงบัญญัตไว้ และท่านจะเป็นคนใหม่ เพราะชาวคริสต์ทุกคนได้เกิดใหม่แล้วเมื่อท่านได้รับเชื่อ การเกิดใหม่เป็นพระพรที่ทำให้เราพ้นจากคำแช่งสาปทั้งปวง จงวางความคิดเดิมไว้ แล้วรับเอาความคิดใหม่ๆ ที่เป็นคำสอนของพระบิดา

ไม่มี การทดลองใดๆเกิดขึ้นกับท่าน นอกเหนือจากการทดลองซึ่งเคยเกิดกับมนุษย์ทั้งหลาย พระเจ้าทรงสัตย์ธรรม พระองค์จะไม่ทรงให้ท่านต้องถูกทดลองเกินกว่าที่ท่านจะทนได้ และเมื่อท่านถูกทดลองนั้น พระองค์จะทรงโปรดให้ท่านมีทางที่จะหลีกเลี่ยงได้ด้วย เพื่อท่านจะมีกำลังทนได้
1โครินธ์ 10:13

ทุกอย่างที่เกิดขึ้น ในชีวิตไม่ได้เกิดจากน้ำพระทัยของพระบิดาเจ้าอย่างเดียว จำไว้ว่าหากเป็นน้ำพระทัยของพระองค์ พระองค์จะไม่ทดสอบจนเกินความอดทนของท่าน ท่านรู้ว่าท่านสามารุทนได้สักเพียงใด ทุกอย่างที่เกิดอย่าได้คิดว่ามันเป็นน้ำพระทัยจากท่าน พระบิดาเจ้าไม่เคยอยากให้ใครขัดสน ไม่มีพ่อคนไหนไม่รับลูกในเมื่อเราเป็นบุตรแห่งพระคริสต์ หากเราทำตามน้ำพระทัยไม่มีทางที่พ่อคนไหนจะไม่รักลูก
พระพรของพระบิดาเจ้ามีแผนเสมอ ขนาดตอนที่อวยพรให้อับราฮัม เขามั่งคั่งขึ้นมาเลยไหม ไม่ใช่เลย แต่เมื่ออับราฮัมได้รับสัญญาจากพระบิดาเจ้าเขารอ รอจนได้รับ เพราะว่าพระองค์ทราบว่าอับราฮัมรอได้ หากแต่ว่าเราจะรอได้ขนาดนั้นไหม จำไว่าว่าการทดสอบ จะเป็นพระพร ไม่พระองค์ไม่เคยทดสอบให้ตกต่ำ แต่สภาพถูกสาปมักจะเป็นการกั่นแกล้งจากมาร
เคยได้ยินไหมว่า พระบิดาเจ้าประทานให้ มารมาลักเอาไป ความขัดสนคือการทำลาย บางครั้งหลายคนคิดว่าสิ่งต่างๆ เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าไปเสียหมด ถ้าเป็นเช่นนั้นในยามที่เราขัดสน ทั้งที่ใช้จ่ายอย่างประหยัด แต่ความขัดสนก็เข้ามาในชีวิตเมื่อวันที่ 20 ของเดือน ท่านจะยังไปทำงานต่ออีกไหม ทำไมท่านไม่ลาออกเพื่อให้น้ำพระทัยของพระบิดาเจ้าคงอยู่ละ จะไปทำงานเพื่อให้ได้เงินมา แล้วเอามาใช้จ่ายเพื่อให้ความขัดสนนั้นหายไปทำไม ในเมื่อคุณเชื่อว่านั่นคือน้ำพระทัย
จำไว้ว่าน้ำพระทัยของพระองค์คืออยากให้ท่านมีอย่างบริบูรณ์ ไม่ได้มีแค่เพียงพอ แต่มีอย่างมั่งคั่ง เพียงเราต้องเรียนรู้ในน้ำพระทัยของพระองค์เท่านั้นเอง
เอเมน

Power By I9

วันจันทร์ที่ 12 ตุลาคม พ.ศ. 2558

เรียนรู้วิถีของความสุขใจที่มีขึ้นเอง

พระเยซูตรัสกับเขาว่า "เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่วางใจในเรา จะไม่กระหายอีกเลย"
ยอห์น 6:35

เรียนรู้วิถีของความสุขใจที่มีขึ้นเอง 

ผมชอบพระคัมภีร์ข้อนี้มาก รอบแรกที่ผมอ่านผมก็สงสงในข้อความด้วยความที่เป็นผู้เชื่อใหม่ แต่พอได้อ่านรอบที่สองเท่านั้น โอ้หรือนี่จะเป็นพระวจนะจากพระบิดาโดยแท้ "เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่วางใจในเรา จะไม่กระหายอีกเลย" ผมจำได้แม่นว่าพระเยชูพูดกับหญิงชาวสะมาเรีย ที่บ่อน้ำของยาโคป โดยพระเยชูขอน้ำนางดื่ม และนางก็ถามว่าทำไมท่านจึงมาขอจากเราผู้เป็นชาวสะมาเรียละ ด้วยเหตุที่เมื่อก่อน ชาวอิสราเอลถือว่าตัวเองสูงกว่าชาวสะมาเรีย และพระเยซูทรงบอกกับนางว่านางเคยที่สามีมาแล้ว 5 คนซึ่งนางได้เชื่อว่าพระองค์เป็นพระบุตรจริงเพราะคนที่พึ่งเจอกันทำไมถึงจะรู้จักตนเองขนาดนั้น เมื่อนางได้ฟังก็เที่ยวประกาศไปทั่ว ด้วยความเชื่อนางเป็นผู้เชื่อที่หนักแน่นมากมาย มากกว่าใครทั้งสิ้น

เล่ามายาวยังไม่ได้เข้าเรื่องเลยว่า "เราเป็นอาหารแห่งชีวิต ผู้ที่มาหาเราจะไม่หิว และผู้ที่วางใจในเรา จะไม่กระหายอีกเลย" ข้อความนี้คืออะไร ข้อความนี้หมายถึง เราผู้เป็นผู้เชื่อ ผู้ได้รับความรอด เรามีความพอใจ สุขใจ แม้นว่าเราจะทำงานเดิม แต่ความสุขใจต่างหาก เป็นเรื่องจริง ผู้ที่เข้ามาหาเราจะไม่หิวอีก อันนี้ไม่ได้หมายถึงอาหาร แต่หมายถึงความสุขใจ สันติสุขในใจเราต่างหาก เราจะไม่กระวนกระวาย มีแต่ความสุขใจ นั่นคือคนที่สนิทและเข้ามาหาพระบิดาโดยแท้

เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้เปล่าเปลี่ยว เราจะมาหาท่าน
ยอห์น 14:18

พระธรรมข้อนี้ คือสัญญาของพระเยซูที่พูดกันเหล่าสาวกว่า "เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้เปล่าเปลี่ยว เราจะมาหาท่าน" เป็นการบอกว่าพระองค์จะอยู่กับพวกเราทั้งหลาย โดยแม้นว่าพระองค์จะเสด็จกลับไปยังสวรรค์ เป็นพระบิดาก็ยังส่งพระผู้ช่วยให้รอดนั่นคือพระวิญญาณบริสุทธิ และมีอีกข้อที่สนันสนุนกัน

พระองค์ตรัสตอบเขาว่า "ถ้าผู้ใดรักเรา ผู้นั้นจะประพฤติตามคำของเรา และพระบิดาจะทรงรักเขา แล้วพระบิดากับเราจะมาหาเขา และจะอยู่กับเขา
ยอห์น 14:23 

ข้อความนี้พระองค์ตรัสกับยูดาส เป็นข่อความที่เสริมรพะวจนะข้างบน คือ "ผู้ที่รัก พระองค์ ทำตามคำสอนของพระองค์ พระบิดากับพระเยซู จะรักเขาและอยู่กับเขา มันคือการบอกให้เรารู้ว่า ให้เราทำตามพระวจนะเพื่อที่จะได้เป็นที่รักของพระบิดา คำสองของพระบิดาเราไม่ได้มีอะไรมากมาย พระองค์ต้องการเพียงให้เรารักท่าน และรักทุกคน ให้ได้แค่นั้นเองคำสอนนี้เป็นคำสอนให้เรามีจิตใจดี แต่ไม่ใช่ว่าไม่ทันโลกนะครับ

วันนี้ก็คงจะพอเข้าใจพระวจนะของพระองค์ได้ ใครที่คิดว่าข้องพระธรรมที่คุณติดความนี้มันผิด ติดมาได้นะครับ พร้อมที่จะรับฟังและแก้ไข
พระเจ้าเป็นผู้ประทานทุกสิ่ง จงรักษาไว้ อย่าให้มารมาเอาไป
เอเมน

Power By I9

วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

จงวางใจในพระเจ้าแม้นยามทุกข์ยากอดอยาก

เหตุ ฉะนั้น เราบอกท่านทั้งหลายว่า อย่ากระวนกระวายถึงชีวิตของตนว่า จะเอาอะไรกิน หรือจะเอาอะไรดื่ม และอย่ากระวนกระวายถึงร่างกายของตนว่า จะเอาอะไรนุ่งห่ม ชีวิตสำคัญยิ่งกว่าอาหารมิใช่หรือ และร่างกายสำคัญยิ่งกว่าเครื่องนุ่งห่มมิใช่หรือ
มัทธิว 6:25

จงวางใจในพระเจ้าแม้นยามทุกข์ยากอดอยาก

วันนี้เป็นพระธรรมสองข้อติดเป็นพระธรรมต่อเนื่องเป็นพระวจนะที่บอว่าเราจะไม่อด พระองค์จะทรงนิ่งเฉยต่อผู้เชื่อ โดยที่ท่านไม่ต้อง ไปทำอะไรที่มาก เพียงอยู่ในทางของพระบิดา อย่างที่ชาวคริตเตียนรู้กันว่าบางครั้งการเดินติดตามพระเจ้านั้นยากลำบาก แต่เชื่อหรือไม่ว่าพระเจ้าไม่เคยปล่อยให้ผู้เชื่อต้องอด แต่บิดาของเรามอบแต่ความอิ่มให้ ไม่ว่าจะเป็นความอิ่มเอม และอิ่มจากความหิว เมื่อท่างว่าใจในพระองค์ท่านจะสามารถ บอกกับพระองค์ได้ทุกเรื่องแม้นอต่อยากได้สบู่สักก้อน ยาสีฟันสักหลอด เพียนแต่ปัจจุบันท่านคิดถึงใครก่อน เมื่อจำเป็นต้องใช้อะไรซักอย่าง อยากได้อะไรซักอย่าง คุณมองหาอะไร พระบิดาเจ้า หรือเงินในกระเป๋าของคุณ แล้วที่คุณบอกว่า เชื่อมั่นในพระบิดาเจ้าไม่ใช่หรือ จากพระธรรมข้อนี้จะขออธิบายเหมือนบทที่เคยเขียนเลยคือ อย่ากังวนใจแม้นแต่น้อยว่าจะเอาอะไรกิน อะไรดื่ม หรือจะเอาเสื้อผ้าไหนใส่ เคยไหมที่อธิฐานบอก แล้ววางใจและเชื่อว่าพระองค์จะมาและมาทัน อธิฐานแล้วปล่อยให้เป็นหน้าที่ของพระองค์เพราะพระองค์บอกแล้วว่าอย่าได้กังวน จงอธิฐานด้วยความเชื่อแล้วจะได้อย่างที่ขอ


จงดูนกในอากาศ มันมิได้หว่าน มิได้เกี่ยว มิได้ส่ำสมไว้ในยุ้งฉาง แต่พระบิดาของท่านทั้งหลาย ผู้ทรงสถิตในสวรรค์ทรงเลี้ยงนกไว้ ท่านทั้งหลายมิประเสริฐกว่านกหรือ
มัทธิว 6:26

พระองค์ทรงเปรียบเทียบว่าแม้นแต่นกในอากาศที่มันไม่ได้หา ไม่ได้หว่าน แต่พระบิดาก็ไม่เคยปล่อยให้มันอด แล้วคุณไม่ประเสร็ฐกว่าพวกมันหรือ การอวยพรของพระองค์อาจมาได้ในหรายรูปแบบ เคยไหมที่แค่คิดว่าพระบิดาลูกอยากกินนั่น อยากกินนี่ แล้วก็มีคนซื้อมาฝากจริงๆ มันเป็นไปได้อย่างไร นี่แหละคือการอวยพร พระองค์ไม่เอามาให้คุณเองหรอกแต่จะดลจิตดลใจคนรอบข้างคุณนั่นแหละ
พวกเราล้วนแต่ประเสร็จกว่านกในอากาศ เรารับความรอดมาแล้ว และเชื่อว่าพระองค์ยิ่งใหญ่เหนือฟ้าสวรรค์ ความเชื่อนี้เองที่ทำให้คุณได้รับในสิ่งที่พวกท่านขอ จงเชื่อ และวางใจในพระเจ้า

เมื่ออธิฐานแล้วอย่าได้เก็บเอามาเป็นกังวน เพราะอย่างที่ข้อ 25 บอกว่าอย่ากระวนกระวาย แอร้ยยยย! ขนาดนั้นเลยหรอ นิดหนึ่งไม่ได้หรอเดี๋ยวพระเจ้าจะไม่เชื่อฉัน ไม่ต้องกลัวหรือครับท่านรู้ตั้งแต่คุณยังไม่ได้กล่าวด้วยซ้ำแต่ที่ท่านอยากให้อธิฐานขอเพื่อที่จะได้ใกล้ชิดสนิทแนบแน่นกับพระองค์
เอเมน

Power by I9 พระคัมภีร์สอนใจ

วันอังคารที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2558

การอธิฐานต่อพระเจ้า เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ขอ

ในวันนั้นท่านจะไม่ถามอะไรเราอีก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านขอสิ่งใดจากพระบิดา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่านในนามของเรา
ยอห์น 16:23 

การอธิฐานต่อพระเจ้า เพื่อให้ได้ในสิ่งที่ขอ

เมื่อเรารับเชื่อจากพระเจ้า นอกจากเราจะได้รับสิทธิ ได้รับทางรอดจากการถูกพิพากษาให้รับโทษในนรกที่เราควรได้รับแล้ว เราทั้งหลายยังได้รับสิทธิ์ในการอธิษฐานในเรื่องราวต่างๆ ต่อพระเจ้าด้วย ด้วยเหตุที่ว่าสิทธิให้เป็นบุตรของพระเจ้า และเป็นเหมือนประชากรของพระองค์บนแผ่นดินสวรรค์ เมื่อเราอธิษฐานต่อพระเจ้าพระองค์จะทรงฟังคำอธิษฐานของเราทุกคำ

ดังที่พระเยซูทรงสัญญากับเราว่า "ถ้าท่านขอสิ่งใดจากพระบิดา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่านในนามของเรา
ดังที่มีปรากฏในในพระคัมภีร์ ยอห์น 16:23 ว่า “ในวันนั้นท่านจะไม่ถามอะไรเราอีก เราบอกความจริงแก่ท่านทั้งหลายว่า ถ้าท่านขอสิ่งใดจากพระบิดา พระองค์จะประทานสิ่งนั้นให้แก่ท่านในนามของเรา” 

พระองค์ได้บอกแก่เราว่าการอธิษฐานด้วยว่า สิ่งสารพัดซึ่งท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อ ท่านจะได้ พระคัมภีร์ได้แนะนำเราในการอธิษฐานว่าสิ่งที่เราอธิษฐานต่อพระเจ้านั้นต้องเป็นสิ่งที่ดี และสอดคล้องกับน้ำพระทัยพระเจ้าที่มีสำหรับเรา เพื่อการอธิษฐานของเรานั้นจะไม่เป็นคำอธิษฐานที่ผิด และไม่ได้รับคำตอบเรื่องราวต่างๆ ที่เราสามารถอธิษฐานต่อพระเจ้านั้นไม่มีข้อจำกัด

เราสามารถอธิษฐานได้ทุกเรื่องเหมือนกับเพื่อนสนิทที่พูดคุยกัน บอกเรื่องราวความในใจระหว่างกัน ขอการช่วยเหลือเมื่อได้รับความทุกข์ยากลำบากต่างๆ และขอบคุณเมื่อได้รับความช่วยเหลือ อย่างไรก็ดีเพื่อให้มีความเข้าใจมากขึ้นเราสามารถสรุปหัวข้อต่างๆที่คริสต์ชนอธิษฐานต่อพระเจ้าได้ดังนี้
- อธิษฐานสรรเสริญพระเจ้า
- อธิษฐานสารภาพบาป เพื่อขอรับการอภัย
- อธิษฐานขอความช่วยเหลือในความทุกข์ยากลำบากต่างๆ
- อธิษฐานเผื่อสามีหรือภรรยา ญาติพี่น้อง เพื่อน และประเทศชาติ ให้ได้รับความสุข
- อธิษฐานของการรักษาโรคภัยต่างๆให้หาย
- อธิษฐานของการเลี้ยงดู ขอการช่วยเหลือเรื่องสภาวะเศรษฐกิจ และขอการอวยพรจากพระเจ้า
- อธิษฐานของการปกป้องและคุ้มครองจากเหตุร้ายต่างๆ
- อธิษฐานขอบพระคุณพระเจ้าที่ตอบคำอธิษฐานต่างๆที่เราขอจากพระองค์

รูปแบบของคำอธิษฐาน
รูปแบบคำอธิษฐานของคริสต์เตียนโดยทั่วๆ ไปมีรูปแบบ แต่ทำง่ายๆดังนี้ เริ่มต้นคำอธิษฐานด้วยการกล่าวเรียกพระเจ้า ซึ่งสามารถใช้แทนได้หลายคำเช่น ข้าแต่พระเจ้า, ข้าแต่พระบิดาเจ้า, ข้าแต่พระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่สูงสุด หลังจากคำเริ่มต้น ให้เราบอกถึงความต้องการต่างๆ ของเรา หรือข้อความที่เราต้องการบอกต่อพระเจ้า ในตอนนื้เรามักใช้คำแทนต้วเราว่า ข้าพระองค์ หรือลูก เป็นต้น เมื่อเราได้ขอสิ่งต่างๆ หรือบอกข้อความต่างๆ จบแล้ว ให้เราลงท้ายคำอธิษฐานว่า ในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน
โดยคำว่า อาเมน เป็นคำกล่าวด้วยความเชื่อ หมายความว่า ขอให้เป็นไปตามนี้ ขอให้เป็นไปตามน้ำพระทัย

ตัวอย่างคำอธิษฐานของคุณพระเจ้าสำหรับอาหาร
ข้าแต่พระเจ้าผู้เป็นที่รัก ขอบพระคุณพระองค์สำหรับอาหารที่ได้ที่พระองค์ประทานให้แก่ข้าพระองค์ ขอพระองค์ทรงชำระอาหารนี้ให้สะอาดและบริสุทธิ์ และอวยพรให้อาหารนี้เป็นประโยชน์แก่ร่างกาย ขอบพระคุณพระองค์ในพระนามขององค์พระเยซูคริสต์เจ้า อาเมน

การอธิฐานสามารถขอได้ทุกเรื่อง และบอกพระองค์กับทุกเรื่อง
เอเมน

Power By I9 ข้อพระคัมภีร์สอนใจ

การขอและการอธิฐานต่อพระเจ้าเพื่อให้ได้สิ่งที่ขอ

"จงขอแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน 
เพราะว่าทุกคนที่ขอก็ได้ ทุกคนที่แสวงหาก็พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้เขา"
มัทธิว 7:7-8

การขอและการอธิฐานต่อพระเจ้าเพื่อให้ได้สิ่งที่ขอ

วันนี้บอกเลยว่า พระคัมภีร์ข้อนี้เป็นข้อหากินเลยกว่าได้ ต่อให้พึ่งรับเชื่อผมว่าก็เคยได้ยิน หรืออาจจะเป็นข้อแรกๆ ที่ได้ยิน พระวจนะข้อนี้เป็นการบอกว่า "จงของแล้วจะได้ จงหาแล้วจะพบ จงเคาะและจะเปิดให้แก่ท่าน" เป็นการบอกว่าอะไร ให้เราขอ บางคงอาจจะสงสัยว่าเอ ทำไมต้องให้ขอไหนว่า พระเจ้ารู้ทุกเรื่อง แล้วทำไม่ไม่ให้เลยละ หากพระเจ้าให้คุณโดยไม่ต้องขอเลย คุณจะสนิทกับพระองค์ไหม การขอจากพระองค์ การบอกกล่าวกับพระองค์ คือการคุยกัน การที่บุตรจะกล่าว จะพูดคุยระหว่างวัน มันคือเรื่องที่ดีไม่ใช่หรือ "จงเคาะแล้วจะเปิดให้แก่ท่าน" หากคุณไม่บอกว่าคุณมาแล้ว ก็จะไม่มีใครรู้ว่า คุณอยู่หน้าบ้าน จะมีใครละที่รู้ตัวว่าแอร้ยมีคนมาหน้าบ้าน ต่อให้คนๆ นั้นเป็นลูกก็ตาม เมื่อมาถึงหน้าบ้าน ไม่เคาะ ไม่กดกริ่งใครจะรู้ ต่อให้ลูกอยู่หน้าบ้านพ่อแม่คนไหนบ้างจะรู้ เพราะฉนั้นพระธรรมข้อนี้จึงเป็นการบอกว่าให้เราบอก บอกเพื่อที่พระองค์จะให้ดังข้อที่ 8 ทุกคนที่ขอก็จะได้ "ทุกคนที่แสวงหาก็จะได้พบ ทุกคนที่เคาะก็จะเปิดให้แก่เขา" ใครเป็นคนกล่าวพระธรรมข้อนี้ คนคนนั้นคือ พระเยซูเอง เห็นไม่ว่าท่านได้บอกแล้วว่า ให้ท่านขอ ให้ท่านบอกเพื่ออะไร เพื่อที่จะได้สนิทแนบแน่นกับพระองค์ เป็นเช่นนั้นครับ

อย่ากล่าวโทษเขา เพื่อพระเจ้าจะไม่ทรงกล่าวโทษท่าน
มัทธิว 7:1

พระคัมภีร์ข้อนี้ได้บอกอะไรเรา บอกให้เรายกโทษ ยกโทษให้กับคนที่ทำให้เราขุ่นเคืองใจ ทำผิดใจเรา แต่พระธรรมบอกว่าอย่าได้โกรธ โทษ เขาผู้นั้นเลย เพื่อที่พระองค์จะได้ไม่กล่าวโทษเราเอง เพราะอะไร เพราะว่าพระเจ้าบอกว่าให้เรายกโทษให้อภัย 70x70 ครั้ง หมายถึงอะไร หมายถึงว่าแม้นเขาจะทำผิดซ้ำๆ ขนาดไหนก็สามารถให้อภัยได้ พระเจ้าก็เช่นกันการที่คุณทำผิดไม่ว่าจะผิดกี่ครั้งพระองค์ก็จะให้อภัยคุณได้ แต่ถ้าคุณไม่ยอมให้อภัยพระเจ้าก็จะไม่คุณเช่นกัน แต่จากที่ผมบอกว่าไม่ว่าจะกี่ครั้งพระเจ้าก็ให้อภัยคุณได้เลยถือโอกาศ ทำผิดอันนี้ไม่ได้ถูกต้องนะครับ

สิ่งสารพัดซึ่งท่านอธิษฐานขอด้วยความเชื่อ ท่านจะได้
มัทธิว 21:22

ข้อนี้เป็นการบอกซ้ำไปอีก ว่าสิ่งที่อธิฐานของท่านเมื่อคุณอธิฐาน เมื่อคุณอธิฐานด้วยความเชื่อ พระธรรมตอนนี้เป็นพระองค์ทรงทำการอัศจรรย์ทางคำพูดให้ดูว่า แม้นแต่การที่พูดกับต้นมะเดื่อ "ว่าเจ่าจงอย่ามีผลต่อไป" เพียงเท่านี้เองต้นมะเดื่อก็เหี่ยวแห้งตายไปเอง และในบทนี้ได้บอกอีกว่าเราสามารถบอกให้ภูเขาทั้งลูกไปลงทะเลได้ แล้วนับประสาอะไรแค่สิ้งที่คุณขอ แค่คุณต้องขอด้วยความเชื่อ ความเชื่อในที่นี้หมายถึง ความเชื่อที่ว่าพระองค์คือผู้ช่วยกู้ คือทางแห่งทางรอด เชื่อว่าพระองค์คือพระเจ้า นั้นเอง และทุกครั้งที่ขออย่าลืมที่จะขอบพระคุณ
เอเมน

Power by I9 ข้อพระคัมภีร์สอนใจ

วันอาทิตย์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2558

อย่าปล่อยให้ความทุกข์อยู่กับเรานาน จงไล่มันออกไปเสีย

เหตุฉะนั้น อย่ากระวนกระวายถึงพรุ่งนี้ เพราะว่าพรุ่งนี้คงมีการกระวนกระวายสำหรับพรุ่งนี้เอง แต่ละวันก็มีทุกข์พออยู่แล้ว
มัทธิว 6:34

อย่าปล่อยให้ความทุกข์อยู่กับเรานาน จงไล่มันออกไปเสีย

พระวจนะตอนนี้ได้บอกให้เราอย่าได้ทุกข์ใจกับปัญหาที่จะเกิดขึ้น อย่าได้เก็บความกระวนกระวายเอาไว้ให้มันสุมใจเรา หากคุณหาทางออกไม่ได้ ให้คุณเติมสิ่งใหม่เข้าไป ในเมื่อคุณทุกข์ใจในปัญหาให้คุณเติมพระวจนะ จากพระคัมภีร์ จากการฟังใส่เข้าไปเพื่อไล่เอาความกระวนกระวายออกจากจิตใจเรา หากเราเอาความกระวนกระวายออกไปไม่ได้ก็ต้องเติมพระวจนะเข้าใปแทน การที่เรามีความกระวนกระวายก็เหมือนกับการปล่อยให้หมาจิ้งจอก อยู่ในสวน แม้หมาจิ้งจอกเพียงตัวเดียวก็ทำลาย ได้ทั้งสวน เห็นไหมว่าหากปล่อยเอาไว้เมื่อคุณใส่ความกระวนกระวายเข้าไปทุกวันๆ แล้วมันจะไม่ทำลายชีวิตคุณหรอ ว้าวนี่แค่ตอน เดียวนะนี่ เพราะอย่างที่บอก พรุ่งนี้ก็จะมีปัญหาใหม่ๆ โพล่มาให้คุณทุกข์ใจอีก เพราะแต่ละวันก็จะมีเรื่องทุกข์พออยู่แล้ว ความ กระวนกระวายก็เหมือนการโกรธ พี่พระวจนะบอกว่าอย่าโกรธจนตะวันตกดิน แต่การกระวนกระวายนั้น ขอกับพระองค์สิครับ ขอ อ้อนวอน แล้วปล่อยให้พระองค์จัดการแทน ไว้ใจในพระองค์ดังบทที่ผ่านมา 

บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข
มัทธิว 11:28

เราทุกคนทำงาน การทำงานของเราแตกต่างกันไป บางคงทำงานเอกสาร บางคนขุดดิน ซึ่งมีความเหน็ดเหนื่อยอย่างแน่นอน ไม่ว่าจะเหนื่อยกายหรือเหนื่อยใจ แต่พระเจ้าบอกว่า "บรรดาผู้ทำงานเหน็ดเหนื่อยและแบกภาระหนัก จงมาหาเรา และเราจะให้ท่านทั้งหลาย หายเหนื่อยเป็นสุข" เมื่อมาหาแล้วพระเยซูจะช่วยท่านได้หรอ ไม่ต้องขุดดินในวันนั้นหรือ ไม่ต้องทำงานเอกสารหรือ ไม่ใช่แต่เมื่อคุณมีพระเจ้าอยู่เคียงข้างสันติสุขจะเกิดขึ้น เป็นการเสริมกำลังใจ ทำให้ร่างกายเรามีแรงที่จะต่อสู้ การที่เป็น คริสเตียนไม่ใช่ว่าไม่ต้องทำงานหนัก แต่การทำงานจะเป็นไปด้วยใจรักนั่นเอง 
เอเมน 

Power by I9 ข้อพระคัมภีร์สอนใจ

วันพฤหัสบดีที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2558

ชีวิตจะดีขึ้นหากเราวางใจในพระเจ้าเป็นนิตย์

จงวางใจในพระเจ้าเป็นนิตย์ เพราะพระเจ้า ทรงเป็นศิลานิรันดร์
อิสยาห์ 26:4


บทความนี้ก็คงจะต่อจาก บทที่แล้วที่ว่าด้วยการวางใจในพระองค์ วันนี้มากับข้อพระคัมภีร์ที่ออกจะตรงแทบไม่ต้องตีความอะไรเลย "จงวางใจในพระเจ้าเป็นนิตย์" คืออะไร คือว่าใจในพระองค์ในทุกสถานะการ ไม่ว่าจะเรื่องอะไร จากโพสที่แล้วคือการ อธิฐาน วิงวอนกับพระองค์ แล้วไม่เก็บมาคิด ก็ต่อจากบทที่ผ่านมาเลยบทนี้ เมื่อเรามอบปัญหาให้กับพระองค์แล้วเราก็ต้องวางใจในพระองค์ 

เพราะพระเจ้า ทรงเป็นศิลานิรันดร์ เมื่อก่อนด้วยความที่ดินแดนที่เกิดนั้นเป็นทะเลทรายการจะหาก้อนหินซักก้อนที่จะเป็นที่ยึดนั้นมันยากกว่าจะหาเจอ และเมื่อน้ำมาก็จะพัดเอาทรายเก่าไป พัดทรายใหม่มาแทนอย่อย่างนี้ แต่หากจะสร้างบ้านต้องหาที่ที่เป็นแผ่นหินซึ่งซ้อนอยู่ไต้ทราบ คำที่ว่า "เพราะพระเจ้า ทรงเป็นศิลานิรันดร์" จึงเป็นการเทียบกันรากฐานที่มั่นคงของบ้านนั้นเอง 
เมื่อเราเชื่อมั่น อธิฐาน อ้อนวาน แล้ววางใจในพระองค์เท่านี้ มีหรอพระบิดาจำไม่ให้สิ่งที่ดีแก่บุตร สิ่งที่บุตรขอ 

เราจะไม่ละทิ้งท่านทั้งหลายไว้ให้เปล่าเปลี่ยว เราจะมาหาท่าน
ยอห์น 14:18

ข้อพระคัมภีร์นี้เป็นเหมือการสัญญาว่าพระองค์จะไม่ทิ้งท่านแน่นอนไม่ว่าท่านจะเจออะไร มีปัญหาอะไร พระองค์จะมาตามที่ท่านขอแน่นอน พระองค์จะไม่ทรงทิ้งคนของพระองค์ ขอเพียงท่านทำตามพระมหาบัญญัติ คือ
- รักพระเจ้า ด้วยสุดใจ สุดจิต และด้วยสิ้นสุดความคิด นี่เป็นพระบัญญัติข้อใหญ่และข้อต้น
- รักเพื่อนบ้านเหมือนรักตนเอง
ซึ่งเป็นพระธรรมสอนให้เรารู้ว่า ผู้ที่รักพระเจ้าอย่างสุดใจ พระองค์จะไม่ทิ้งให้เปล่าเปลี่ยวอย่างแน่นอน
เอเมน

Power By I9