วันจันทร์ที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อย่าเพิกเฉยต่อการทรงเรียก แต่จงเฉยเสียต่อการเปรียบเทียบ

อย่าเพิกเฉยต่อการทรงเรียก แต่จงเฉยเสียต่อการเปรียบเทียบ

พระเจ้าไม่ได้เรียกให้พวกเรามาเป็นคนสกปรกลามก แต่เรียกให้พวกเรามาเป็นคนบริสุทธิ์สำหรับพระองค์ ดังนั้น คนที่ปฏิเสธคำสอนนี้ก็ไม่ได้ปฏิเสธมนุษย์ แต่ปฏิเสธพระเจ้าผู้ที่มอบพระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระองค์ให้กับพวกคุณ
1 เธสะโลนิกา 4:7-8

อย่าเพิกเฉยต่อการทรงเรียก แต่จงเฉยเสียต่อการเปรียบเทียบ

ผมว่าหลายคนคงได้ยินเรื่องการทรงเรียก คงมีความคิดที่แย้งบ้างแหละว่าพระองค์เรียกเรา หรือว่าเราเข้ามาหาพระองค์ การที่ท่านเข้ามาหานั่นคือการทรงเรียก เพราะการที่เข้ามาอยู่ในทางพระองค์คือน้ำใจที่พระองค์มองให้มีอีกกี่คนที่แสวงหาทางรอด แต่ไม่ได้เข้ามา 
การเมินเสียจากการทรงเรียกเพื่อให้เราเข้าสู่ความบริสุทธิ์นั้นเป็นเรื่องที่ทำได้ง่าย เพียงเราใช้ชีวิตให้เหมือนเดิม เพราะมาตรฐานการใช่ชีวิตบนโลกเป็นทางที่ต่างจากทางพระองค์อยู่แล้ว ทางที่ซาตานให้เราเปรียบเทียบชีวิตเรากับคนรอบข้างตลอดเวลา หลอกลวงเราว่าเราบาปน้อยกว่าเมื่อเทียบกับคนอื่น แต่จริงๆ แล้วประเด็นไม่ได้อยู่ที่การเปรียบเทียบความบาป ประเด็นที่ต้องสนใจก็คือ จิตใจที่ขอบพระคุณที่ทรงชำระแล้วโดยพระวิญญาณบริสุทธิ์ และทรงช่วยให้รอดโดยพระคุณ 
ดังนั้นการเพิกเฉยไม่สนใจการทรงเรียกของพระวิญญาณบริสุทธิ์คือ การปฏิเสธพระเจ้า ให้เราตั้งใจในเรื่องของการมีชีวิตที่บริสุทธิ์มากขึ้น เพราะพระเจ้าอยากให้เราบริสุทธิ์ และนั่นคือสิ่งที่เราควรจะแสวงหา
เมื่อพบแล้วท่านยังจะปล่อยให้สิ่งดีๆ หายไปจากชีวิตท่านอย่างงั้นหรือ เอเมน

Power By I9 อย่าเพิกเฉยต่อการทรงเรียก แต่จงเฉยเสียต่อการเปรียบเทียบ

วันอาทิตย์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การยืนต้านด้วยความเชื่อชีวิตก็จะดีขึ้น

การยืนต้านด้วยความเชื่อชีวิตก็จะดีขึ้น


ดังนั้น ให้อุทิศตัวต่อพระเจ้าและต่อสู้กับมาร แล้วมันจะหนีไปจากคุณ เข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับพระเจ้า แล้วพระองค์จะเข้ามาอยู่ใกล้ชิดกับคุณ พวกคนบาปทั้งหลาย ล้างมือให้สะอาด และคนโลเลทั้งหลายทำใจให้บริสุทธิ์
ยากอบ 4:7-8

การยืนต้านด้วยความเชื่อชีวิตก็จะดีขึ้น

หากเราจะดูแก่นแท้ของการทรงเรียก ก็เพื่อให้เราใกล้ชิดกับพระบิดา เมื่อเราได้เรียนรู้ รู้จักกับพระองค์ ได้เข้าเฝ้า การใกล้ชิดที่มากขึ้น เราจะเรียนรู้ ถ่อยคำ พระวจนะ และซึมซับเอาพระวจนะนั้นมาปฏิบัติตาม เราจะเกิดการเปลี่ยนแปลง เกิดการรู้คิด มีจุดประสงค์ในใจใหม่ เปลี่ยนการกระทำ ของเราเป็นการกระทำที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานแห่งความชอบธรรม และตั้งอยู่ในความบริสุทธิของพระองค์
ในขณะเดียวกันคุณเองก็รู้ว่าสิ่งชั่วร้ายได้ถูกไล่ออกมาโดยรัศมีของชีวิตที่บริสุทธิ์ขององค์พระบิดาเรา ให้เราแสวงหาพระเจ้า ให้เราใกล้ชิดกับพระองค์ ให้เราร้องขอให้พระองค์ชำระเราเพื่อที่เราจะเป็นของพระองค์ทั้งหมด และทำให้เราบริสุทธิ์
ทั้งหมดนี้คือการยืนต้านด้วยความเชื่อ เมื่อคุณเชื่อ เรียนรู้ และเปลี่ยนแปลง จะไม่มีมารมาทำอะไรคุณได้
เอเมน

Power by I9 การยืนต้านด้วยความเชื่อชีวิตก็จะดีขึ้น

วันจันทร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

การใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างคือการถวายเกียรติ์

การใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างคือการถวายเกียรติ์


อย่าทำให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระเจ้าเสียใจ พระเจ้าได้เอาพระวิญญาณนี้มาประทับตราพวกคุณไว้ เพื่อแสดงว่าพวกคุณเป็นของพระเจ้า และเพื่อรับรองว่าพระเจ้าจะปลดปล่อยให้พวกคุณเป็นอิสระในวันนั้น กำจัดสิ่งเหล่านี้ให้หมดสิ้นไปจากพวกคุณ คือความขมขื่นทั้งหมด ความโกรธแค้น การทะเลาะวิวาท และการใส่ร้ายป้ายสี รวมถึงความชั่วทุกชนิด
เอเฟซัส 4:30-31

การใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างคือการถวายเกียรติ์
การใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างคือการถวายเกียรติ์

เมื่ออ่านพระธรรมในวันนี้หากคุณมีคำถามว่าเออจะต้องทำอย่างไรเพื่อไม่ให้พระวิญญาณบริสุทธิ์ของพระบิดาเจ้าเสียใจ เรื่องนี้จริงๆ เป็นเรื่องง่ายก็ว่าง่าย จะว่ายากก็ว่ายากแล้วแต่การปฏิบัติตันของคุณว่าคุณจะเลือกอะไรก่อน โลกนี้ เพื่อนฝูง เงินทอง หรือว่าพระเจ้า เพราะหากคุณเลือกพระเจ้าก่อนท่านก็จะได้ชื่อว่าไม่ทำให้พระองค์เสียใจ แต่ใช่ว่าจะเข้าโบถ์ทุกวันอาทิตย์ แต่จันทร์ถึงเสาร์ เมามาย ใช้ชีวิตเหมือนเดิมก่อนรับเชื่อ ใช้ชีวิตไม่ถวายเกียรติ์ 
อย่างไรคือไม่ถวายเกียรติ์ ใช้ชีวิตด้วยความขมขื่นใจหรือ แสดงความโกรธแค้นหรือ ทะเลาะวิวาทกับคนอื่นหรือ ใส่ร้ายคนอื่นในขณะเดียวกันก็คิดร้ายต่อพวกเขาด้วยอย่างนั้นหรือ สิ่งเหล่านี้ตรงข้ามกับสิ่งที่พระวิญญาณบริสุทธิ์อยากที่จะให้เกิดขึ้นในชีวิตเราอย่างสิ้นเชิง (กาลาเทีย 5: 22-23) หากท่านทำอย่างที่ว่ามา ก็ไม่แปลกใจเลยที่สิ่งเหล่านี้ทำให้พระเจ้าเสียใจ
ต่อให้คุณไป อธิฐาน ร้องเพลงนมัสการ เรียนพระคัมภีร์ แต่ก็ไม่ต่างจากแท่นบูชาที่ว่างเปล่า การถวายเกียรต์แด่พระบิดาเจ้าคือการใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่าง การที่เราเดินตามติดพระองค์ด้วยพระมหาบัญชา และบัญญัติของพระเยซูต่างหาก ที่เป็นการถวายเกียรต์ ศิริ แด่พระองค์ พระวิญญาณบริสุทธิที่อยู่กับเราจะอยู่กับเรา และอวยพรในชีวิตเรา อย่าให้พระวิญญาณบริสุทธิของหนีหายจากการคุณหากทำผิดให้สารภาพบาป และขอการกลับใจใหม่เสีย เพื่อทางรอดที่จะเข้ามาในชีวิต
เอเมน 

Power by I9 การใช้ชีวิตให้เป็นแบบอย่างคือการถวายเกียรติ์

วันพฤหัสบดีที่ 19 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

หนามในเนื้อเปาโล สิ่งที่หลายคนสงสัยมันคืออะไร

หนามในเนื้อเปาโล สิ่งที่หลายคนสงสัยมันคืออะไร


เพื่อไม่ให้ข้าพเจ้าพยองเนื่องด้วยการสำแดงอันยิ่งใหญ่เลิศลำเหล่านี้ จึงทรงให้มีหนาวในเนื้อของข้าพเจ้า เป็นทูตของซานตานคอนทรมานข้าพเจ้า
ข้าพเจ้าทูลวิงวอนองค์พระผู้เป็นเจ้า สามครั้งให้ทรงเอาหนามนี้ออกออกไปจากข้าพเจ้า
2 โครินธ์ 12:7-8 

หนามในเนื้อเปาโล สิ่งที่หลายคนสงสัยมันคืออะไร
หนามในเนื้อเปาโล สิ่งที่หลายคนสงสัยมันคืออะไร

จากพระธรรมข้อนี้ เป็นเรื่องราวของอาจารย์เปาโลที่เขียนถึงพี่น้องในเมืองโครินธ์ ฉบับที่สอง ผมว่าหลายท่านคงเคยอ่านเจอ แต่มีใครสงสัยไหมว่า แต่สงสัยไหมว่าในเมื่ออาจารย์เปาโลได้รับการอวยพรที่มากมายขนาดนั้น ได้รับการสำแดงที่ยิ่งใหญ่ ท่านก็ยังมีสิ่งที่ทำให้ท่านเจ็บปวดที่ต้องของวิงวอนจากพระบิดาเจ้าถึงสามครั้ง เพื่อให้เอาหนามนี้ออก 
คุณเคยสงสัยไหมว่าหนามมันคืออะไร ทำไมถึงทำให้นักอธิฐาน เป็นผู้เชื่อที่ทำการอัศจรรย์ได้มากมายขนาดอย่างอาจารย์เปาโลนั้นเจ็บปวดได้เป็นอันมาก และหนามนั้นเกิดจากทูตของซานตานไม่ได้เกิดจากพระเจ้า
เห็นไหมว่าแม้แต่ทูตก็ไม่ได้มีแต่ทูตที่ดี ไม่ได้มีแต่ทูตสวรรค์ แต่มีทูตของซาตานด้วย และก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้อาจารย์เปาโลต้องเจ็บปวด แต่ท่านจงจำไว้ว่า พระเจ้ากับซานตานไม่ได้อยู่ทีมเดียวกัน เช่นเดียวกับแสงไม่สามารถรวมกับความมืดได้ อย่าได้โทษว่าสิ่งนั้นคือการตีสอน เป็นน้ำพระทัยของพระเจ้าที่จะให้ท่านเป็นเช่นนั้น พระเจ้าคือผู้ช่วยให้รอด เราไม่ได้รับความรอดที่ในนาทีสุดท้ายของชีวิตนะครับ แต่เราได้รับความรอด ความรอดในที่นี้คือการช่วยกู้ ยื่นสิ่งดีดีให้คุณ นั่นคือความรอดที่ท่านได้รับเมื่อยังมีชีวิตอยู่ 
หนามมันคืออะไร หลายคนตีความหมายของคำว่าหนามคือ โรค ที่ทำให้ท่านเจ็บปวด แต่รู้ไหมว่าหนามในความหมายของอาจารย์เปาโลคือ เพื่อนมนุษย์ที่ทำให้ท่านต้องเจ็บช้ำน้ำใจ ทำให้ท่านได้รับการข่มเหง ไม่ว่าจะเป็นการจับติดคุก ฏารโดนเขี่ยนตี ทรมาน 
คุณน่าจะรู้ว่าอาจารย์เปาโลคือ ฟาริสี คำว่าหนามเมื่อกลับไปค้นในพันธสัญญาเดิม มันคือผู้คนที่คอยรบกวนให้เราวุ่นวายในชีวิตนั่นเอง เมื่อผมกลับมาคิดหนามหากมันคือ โรคภัย คนที่มีความเชื่อขนาดนั้นการขอให้โรคหายคงเป็นเรื่องง่าย เพราะคงจะอธิฐานขอครั้งเดียวก็คงหายไปแล้ว แต่นี่ท่านทูลวิงวอนองค์พระบิดาเจ้าถึงสามครั้ง ดังนั้นจึงเป็นเหตุสนันสนุนว่าหนามคือมนุษย์ ดังมีปรากฏในพันธสัญญาเดิม (กดว. ๓๓ :๕๕, ยชว. ๒๓:๑๓, วนฉ. ๒:๓) อาจารย์เปาโลท่านใช้คำในพระคัมภีร์เดิมอธิบายถึงศัตรูซึ่งเป็นมนุษย์ซึ่ง "คอยทุบตี" ท่านดังต่อไปนี้  "ข้าพเจ้าติดคุก ข้าพเจ้าถูกโบยตีเกินขนาด ข้าพเจ้าหวิดตายบ่อยๆ พวกยูเดียเฆี่ยนข้าพเจ้าห้าครั้ง ครั้งละสามสิบเก้าที  เขาตีข้าพเจ้าด้วยตะบองสามครั้ง  เขาเอาก้อนหินขว้างข้าพเจ้าครั้งหนึ่ง การเผชิญโจรภัย  เผชิญภัยจากชนชาติของข้าพเจ้าเอง   เผชิญภัยจากคนต่างชาติ เผชิญภัยจากพี่น้องทรยศ 
นี่เองคือหนาม ในชีวิตเราเองก็ต้องพบเจอกับหนามนี้เช่นกันแต่เราจงดูอาจารย์เปาโลเป็นตัวอย่าง และอย่าได้ยอมแพ้ แต่จงอวดความอ่อนแอของเราให้ได้อย่างท่าน แล้วความอ่อนแอจะเป็นความยิ่งใหญ่ในชีวิตเรา เอเมน

Power by I9 หนามในเนื้อเปาโล สิ่งที่หลายคนสงสัยมันคืออะไร

วันพุธที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อย่าได้อยู่กับความสิ้นหวัง แต่จงหาที่พึ่ง

อย่าได้อยู่กับความสิ้นหวัง แต่จงหาที่พึ่ง

ข้าแต่พระเจ้า ผู้พิสูจน์ว่าข้าพเจ้าเป็นฝ่ายถูก ช่วยตอบข้าพเจ้าด้วยเถิด เมื่อข้าพเจ้าเรียกหาพระองค์ ตอนที่ข้าพเจ้าจนตรอก พระองค์ได้ช่วยให้ข้าพเจ้าออกมาเป็นอิสระ ขอเมตตาข้าพเจ้า ช่วยฟังคำร้องขอของข้าพเจ้าด้วยเถิด
เพลงสดุดี 4:1

อย่าได้อยู่กับความสิ้นหวัง แต่จงหาที่พึ่ง
อย่าได้อยู่กับความสิ้นหวัง แต่จงหาที่พึ่ง

หากอ่านดูตอนแรกผมเองคิดว่า แอร้ยยย มันเป็นการออกคำสั่งหรือเปล่า เป็นการออกคำสั่งกับพระบิดาเชียวหรือแล้วใครเป็นคนอธิฐานในบทสดุดีบทนี้ จริงๆ เป็นการอธิฐานของดาวิด จริงๆ ไม่ใช่การออกคำสั่งอะไรเลย แต่นี่คือการอธิฐานที่บอกถึงความสิ้นหวังจริงๆ 
ผมว่าหลายคนเจอปัยหาแบบหาทางออกไม่ได้ และผมเองก็เคยรับเป็นที่ปรึกษาให้กับคนที่สิ้นหวังด้วยบ่อยๆ บางทีผมอดคิดไม่ได้ว่า เขาไม่เคยมีที่พึ่งทางใจเลยหรอ ไม่มีความหวังอะไรแล้วหรอ และพระบิดาเจ้าไม่ใช่ทางออกของเขาพระเขาคือผู้ที่ไม่เชื่อ ผมเองก็ไม่รู้จะว่าอย่างไร เลยบอกออกไปว่าลองไปหาในสิ่งที่คุณเชื่อสิ แต่อย่างเดียวที่ผมขอคืออย่าไปหาหมอดูเด็ดขาดไม่งั้นปัญหาของคุณจะใหญ่กว่าเดิม 
ออกนกเรื่องเสียไกลจริงๆ ผมเองอยากให้คุณลองอ่านดูว่าพระธรรมสดุดีตอนจบเป็นอย่างไร ผมคิดว่ามี 3 อย่างที่สำคัญและเป็นเคล็ดลับของการอยู่รอดจากความยากลำบากนั่นคือ
1. ความสัตย์ซื่อในชีวิตการอธิษฐานของเราต่อพระเจ้า 
2.ความมั่นใจที่รู้ว่าพระเจ้าฟังและใส่ใจเราแม้ว่าคำอธิษฐานของเราจะฟังไม่เป็นคำ เพราะความเจ็บปวดและสิ่งที่มารบกวน 
3. การสรรเสริญที่มาจากใจ ที่เรารวมไว้ในคำอธิษฐานของเราแม้ว่าสิ่งต่างๆ ดูสิ้นหวังไปหมด 
ทั้งหมดที่กล่าวมานี้ไม่ใช่สูตรวิเศษอะไร แต่เป็นการเสริมสร้างแรงบันดาลใจให้ฝ่ายจิตวิญญาณของเรา ลองอ่านพระธรรมสดุดีบทที่ 4 ดูนะครับแล้วท่านจะได้รับความเชื่ออย่างมาก 
การอธิฐานด้วยความเชื่อ การอวยพรก็จะเป็นไปตามความเชื่อ เอเมน 

Power By I9 อย่าได้อยู่กับความสิ้นหวัง แต่จงหาที่พึ่ง

วันอังคารที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

อย่าได้อวดอ้างตัวเอง แต่จงวางใจในการช่วยกู้

อย่าได้อวดอ้างตัวเอง แต่จงวางใจในการช่วยกู้

ทีนี้จะเหลืออะไรให้อวดอีก ไม่เหลืออะไรแล้ว ทำไมล่ะ เป็นเพราะกฎข้อไหนหรือ ใช่เรื่องที่ให้ทำตามกฎหรือเปล่า ไม่ใช่เลย แต่เป็นเรื่องของความไว้วางใจต่างหาก เพราะเรารู้ว่าการที่พระเจ้าจะยอมรับใครนั้นไม่ได้ขึ้นอยู่กับว่าเขาทำตามสิ่งต่างๆ ที่กฎบอกให้ทำหรือเปล่า แต่ขึ้นอยู่กับการที่เขาไว้วางใจ
โรม 3:27-28

อย่าได้อวดอ้างตัวเอง แต่จงวางใจในการช่วยกู้
อย่าได้อวดอ้างตัวเอง แต่จงวางใจในการช่วยกู้

พระธรรมบทนี้ บอกว่า เราได้รับความรอดผ่านทางพระบุตร โดยพระเยซูได้จัดเป็นเครื่องบูชา มันแสดงให้เห็นว่า พระองค์ทรงรักเรามากขนาดไหน พระบุตรองค์เดียวของพระองค์ แต่พระองค์ทรงประทานมาให้เพื่อให้ตายแทนเรา แบกเองความบาปไปจากเรา เราไม่สามารถเป็นคนชอบธรรมตามมาตรฐานของกฎบัญญัติได้ ชีวิตเราเต็มไปด้วยความผิด และเต็มไปด้วยบาป  เราไม่มีอะไรที่จะโอ้อวดได้เลย นอกจากพระคุณความเมตตาของพระเจ้าที่ให้เราอย่างล้นเหลือ และการเสียสละเพราะความรักที่ให้เราอย่างมากมาย พระเจ้าให้ความรอดแก่เราโดยการส่งพระเยซูเพื่อมาตายแทนหนี้ความบาปของเรา 
ข้อนี้บอกอะไรเรา บอกให้เราวางใจ วางใจในพระบิดา วางใจในความเชื่อ เราไม่ได้ทำตามบัญญัติอะไรทั้งสิ้น แต่เป็นเรื่องของความวางใจต่างหาก แล้วพระบิดาเจ้าจะยอมรับเรา 
คริสเตียนไม่ได้บอกว่า เราเก่ง เราเป็นคนมีความรู้ แต่เรา คือคนที่พึ่งพาพระองค์ ให้พระองค์เป็นผู้ช่วยกู้จากปัญหาต่างๆ  เราจึงผ่านเรื่องทุกอย่างได้ 
จงดำรงค์อยู่ในความเชื่อ เอเมน 

วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

คนดีไม่มีวันที่จะโดนทอดทิ้ง

คนดีไม่มีวันที่จะโดนทอดทิ้ง


พระเจ้าจะไม่ทรงทอดทิ้งคนดีรอบคอบ หรือค้ำจุนผู้กระทำความชั่วร้าย
โยบ 8:2


คนดีไม่มีวันที่จะโดนทอดทิ้ง


หลายคนที่ได้อ่านพระธรรมโยบคงจะได้ฟังเรื่องราวของชายผู้นี้มาบ้าง แม้นว่าโยบจะเป็นบุคคลที่สื่อสัตย์กับพระบิดามากเพียงใด พระองค์ไม่ได้ทรงเอาทุกสิ่งไปจากโยบ แต่ซาตานต่างหากที่เอาทุกสิ่งไปจากชายคนนี้ ซานตาถึงกับต้องไปขออนุญาติต่อพระบิดาเจ้า และเหตุใดพระบิดาจึงทรงอนุญาติเพราะหากพระองค์ไม่อนุญาติวาตานจะมีอำนาจที่จะเอาสิ่งของสารพัดไปจากโยบไหม ลูกทั้งสิบของโยบจะตายไหม ไม่เลย หากพระองค์ไม่อนุญาติ ไม่มีสิ่งใดที่จะทำอะไรโยบได้ แต่เหตุใดรพองค์จึงทรงอนุญาติ เพราะท่านรู้ไงว่าลูกๆ ของท่านสามารถทนต่ออะไรได้ ไม่สามารถทนต่ออะไรบ้าง พระองค์รู้ว่าต่อให้มารซาตานเอาสมบัติ สัตว์เลี้ยง รวมทั้งลูกๆ แต่โยบจะทนได้ และทนเพื่อพระบิดาด้วยความรัก และซื่อตรง สุดท้ายเมื่อการทดสอบจากมารซาตานสิ้นสุด พระองค์ทรงรักษาโรคร้ายให้เขา และคือทรัพย์สมบัติให้เขามากกว่าที่เคยมีถึงสองเท่า และมีลูกๆ ที่น่ารักอีกสิบคน 

เห็นถึงน้ำพระทัยพระองค์ไหม บางครั้งการเดินตามติดกับพระบิดาเจ้า เมื่อมารซาตานมันเห็นว่าเราเป็นคนที่ได้รับการอวยพระพร มันก็หวังจะทำลาย แต่การทำลายของมารเป็นไง ต้องขอพระองค์ก่อน ไม่สามารถที่จะทำอะไร คนของพระองค์ได้ ยกเว้นเราเองจะอนุญาติ หากเราไม่อนุญาติ มันต้องของสิทธิอำนาจจากพระบิดาเจ้าเท่านั้น แต่พระองค์จะทราบว่าเราสามารถรับมันได้มากมายขนาดไหน

จงรักษาความดี รักษาความเชื่อให้เหมือนกับโยบ อย่าเหมือนกับคริสเตียนบางคนที่อ่านพระคัมภีร์มาหลายจบแต่ก็ยังคิดว่าที่โยบประสบปัญหาเพราะพระเจ้าตีสอน จริงๆ พระองค์แค่อนุญาติให้มารซานตานเข้ามาทำการทดสอบแค่ที่เราทนได้ หากไม่ไหวท่านสามารถที่จะบอกได้พระบิดาเจ้าลูกไม่ไหวแล้ว การทดสอบจะทดสอบจะสิ้นสุด

ขอขอบพระคุณพระองค์ที่ดลให้ผมเขียนเรื่องของโยบ เพื่อให้คริสเตียนหลายท่านหันกลับมาเข้าใจถูก
เอเมน

Power by I9 คนดีไม่มีวันที่จะโดนทอดทิ้ง

วันอังคารที่ 10 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ทุกอย่างเราสามารถตัดสินใจได้ อย่าทำให้มันยากเมื่อมันง่ายอยู่แล้ว

ทุกอย่างเราสามารถตัดสินใจได้ อย่าทำให้มันยากเมื่อมันง่ายอยู่แล้ว


เพราะทุกคนทำบาปเหมือนกันหมด และชีวิตของเขาขาดศักดิ์ศรีที่มาจากพระเจ้า พระเจ้ามีความเมตตากรุณาและพระองค์ยอมรับทุกคนมาเป็นคนของพระองค์โดยไม่คิดมูลค่า และเพราะสิ่งที่พระเยซูคริสต์ได้ทำ พระเจ้าได้ปลดปล่อยพวกเขาให้เป็นอิสระจากการเป็นทาสของบาป
โรม 3:23-24

ทุกอย่างเราสามารถตัดสินใจได้ อย่าทำให้มันยากเมื่อมันง่ายอยู่แล้ว

ศักดิ์ศรีของชาวคริสต์ เป็นสิ่งที่พระองค์อนุญาติให้เราทำอะไร ตามความคิดของเราเอง เรามีสิทธิตัดสินใจเอง แม้นว่าเราจะเป็นมนุษย์คนบาปแต่ว่าตอนนี้เราอยู่ในยุคแห่งสัญญาใหม่ที่เราไม่ต้องทำอะไรให้วุ่นวาย สิ่งที่ยากรพะเยซูทำแทนคุณหมดแล้ว ตามสัญญาเดิมกว่าที่เราจะได้รับพระคุณมันยากขนาดไหน ต้องถวายอะไรมากมาย  ต้องอดอาหารนานสักเพียงใด แต่ตอนนี้เป็นยังไงครับ สิ่งใหม่ที่พระองค์ทำให้นั้นมันง่าย เราแค่ต้องมีความเชื่อ เราแค่ต้องทำตามพระบัญญัติ ทำตัวให้ดีทั้งต่อพระบิดาเจ้า ตัวเราเอง และต่อเพื่อนบ้าน
มีข้อพระคัมภีร์หลายข้อที่สนับสนุนพระคุณของพระบิดาเจ้าอย่าง ไม่ว่าเราจะพยายามแค่ไหน พยายามทำดีแค่ไหน หรือทำงานหนักแค่ไหน เราก็ไม่สามารถดีพอสำหรับพระสิริของพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ได้ ขอบคุณพระเจ้าที่ไม่ต้องให้เราแกล้งทำในสิ่งที่เราไม่ได้เป็น ทำให้เราบริสุทธิ์ปราศจากตำหนิ พระเจ้าทำสิ่งเหล่านี้ให้เราโดยพระคุณของพระองค์ (โคโลสี 1:21-23 ) ผ่านทางของขวัญของพระบุตรพระองค์ผู้ซึ่งซื้อโทษความบาปของเรา และให้ความชอบธรรมของพระองค์แก่เรา (2 โครินทร์ 5:21)
หน้าที่เราคือ สรรเสริญพระเจ้า สรรเสริญพระผู้ช่วยให้รอด พระเยซูคริสต์ ขอให้เราใช้ชีวิตอยู่โดยมีพระเยซูเป็นองค์เจ้าชีวิตของเรา ไม่ใช่แค่เพื่อให้เราได้รับความรอด แต่เพื่อขอบพระคุณพระองค์ที่ทรงให้เราอย่างมากมายอย่างที่จะหาอะไรมาเทียบไม่ได้
เอเมน

Power by I9 ทุกอย่างเราสามารถตัดสินใจได้ อย่าทำให้มันยากเมื่อมันง่ายอยู่แล้ว

ความไว้วางใจคือคุณสมบัติ หาใช่พรสวรรค์

ความไว้วางใจคือคุณสมบัติ หาใช่พรสวรรค์


พวกคุณทุกคนเป็นลูกของพระเจ้า เพราะความไว้วางใจในพระเยซูคริสต์ เพราะพวกคุณทุกคนที่ได้เข้าพิธีจุ่มเพื่อมีส่วนในพระคริสต์ ก็ได้สวมใส่พระคริสต์ เหมือนกับใส่เสื้อผ้า
กาลาเทีย 3:26-27

ความไว้วางใจคือคุณสมบัติ หาใช่พรสวรรค์

ความไว้วางใจจะพระองค์ คือคุณสมบัติของการที่คุณได้มารู้จักกับพระคริสต์ มันไม่ใช่เรื่องบัญเอิญ หรือเป็นเพราะคนรอบข้างแต่มันคือ การเลือกสรรค์จากน้ำใจของพระบิดาเจ้า ไม่ใช่ว่าทุกคนจะมิสิทธิในสิทธิส่วนในความวางใจของพระองค์  เชื่อไหมว่าต่อให้คุณมีเสื้อผ้าที่สวยขนาดไหน ออกแบบ ตัดเย็บได้ดีขนาดไหน ก็ไม่สู้การมีพระบิดาเจ้าอยู่ด้วย แต่ใช่ว่าคนที่เขาใส่เสื้อผ้าดี มีราคาพระองค์จะไม่อยู่ด้วย เพราะพระองค์จะอยู่กับทุกคนที่เห็นความสำคัญ และสนใจท่าน ไม่ใช่เสื้อผ้าเงินทอง อย่าคิดว่าคนที่แต่งตัวดี รวย มีเงินมากพระองค์จะไม่อยู่ด้วย พระองค์เผยพระวจนะว่า เมื่อใจของท่านอยู่กับสิ่งใด ท่านก็วางใจในสิ่งนั้น คุณวางใจที่มีเสื้อผ้า เงินทอง หรือว่าพระองค์เหล่า

การที่คุณได้รู้จักกับพระองค์ หรือการที่ท่านได้อ่านบทความนี้แล้วอยากที่จะฟังคำสอง จงเชื่อเหอะว่า ไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ แต่มันคือ คุณสมบัติของการแสวงหาที่อยู่ในคุณ เหมือนประโยคที่ว่า "นกมันบนได้ ไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ แต่มันบินได้อย่างนั้นเพราะนั่นคือคุณสมบัติของมัน" คุณเองก็เช่นกัน การที่ได้มารู้จักกับพระบิดาเจ้านั้นไม่ใช่เพราะพรสวรรค์ แต่เป็นเพราะคุณสมบัติที่พระองค์เลือกแล้ว
ดังนั้นจงภูมิใจเหอะว่า เรามี "คุณสมบัติ" ที่จะได้เป็นลูกของพระองค์
จงสวมอยู่ในพระคริสต์ เพราะท่านคือลูกของพระเจ้า
เอเมน

Power by I9 ความไว้วางใจคือคุณสมบัติ หาใช่พรสวรรค์

วันจันทร์ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จงทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอลูกที่รัก

แต่ตอนนี้ พระเจ้าได้เปิดเผยให้เห็นว่าพระองค์นั้นซื่อสัตย์และทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ โดยไม่เกี่ยวข้องกับกฎเลย แต่ว่าทั้งกฎและพวกผู้พูดแทนพระเจ้าได้เป็นพยานถึงความซื่อสัตย์ของพระองค์ พระเจ้าทำให้เราเห็นว่าพระองค์นั้นซื่อสัตย์ และทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ พระองค์ทำอย่างนี้ผ่านทางความซื่อสัตย์ของพระเยซูคริสต์ เพื่อเป็นประโยชน์สำหรับทุกๆ คนที่ไว้วางใจ ไม่มีใครแตกต่างกันเลย
โรม 3:21-22

จงทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอลูกที่รัก

ในพระคัมภีร์เดิม จะเห็นว่าการที่จะได้รับพระคุณจากพระบิดาเจ้านั้นช่างยาก กว่าจะหาแพะ แกะ นกพิราพได้ แต่ก็มีขช้อที่ชี้ให้เห็นถึงช่วงเวลาใหม่ที่จะมาถึง เป็นเวลาที่ไม่ได้ใช้กฎต่างๆ เป็นมาตรฐานของความชอบธรรม พระบัญญัติและผู้พยากรณ์เป็พยานถึงเวลานี้ โดยความชอบธรรมนี้มาจากพระเจ้า
แต่เราก็มีปัญหาใหม่เข้ามาการที่พระเยซูปลดปล่อยเราจากกฎปฏิบัติต่างๆ และนำเราเข้าสู่พระคุณของพระเจ้า ปัญหาของเราคือ การเชื่อและไว้วางใจ หลายคนสับสนว่าความเชื่อคือ การคิดเกี่ยวกับอะไรสักอย่างในใจเท่านั้น ในขณะที่พระคัมภีร์บอกว่าความเชื่อเกี่ยวกับจิตใจและเปลี่ยนพฤติกรรมของเรา แล้วเราจะใช้อะไรเป็นมาตรฐานในชีวิตเราทุกวันนี้ อะไรที่จะใช้วัดความชอบธรรมของเรา เราจะหาความมั่นคงได้จากที่ไหน ขอบคุณพระเจ้าที่เราสามารถวางชีวิต อนาคต และความรอดของเราไว้กับพระเยซูคริสต์ โดยที่ไม่ต้องทำตามกฎข้อบัญญัติต่างๆ มากมายอย่างในอดีต
การที่เราเข้ามาเชื่อในพระบิดาเจ้าโดยพระคุณทางพระเยซู และพระวิญญาณบริสุทธเราก็ควรที่จะกล้าแสดงตัวว่าคุณอยู่ในทางของพระเจ้า ไม่ใช่ไม่กล้าที่จะเผยว่าเราคือคนของพระบิดาเจ้า ถ้าอย่างนั้นพระคุณที่จะเข้ามาในชีวิตของคุณจะถูกจำกัดเหมือนการที่คุณจำกัดพระคริสต์ในชีวิตคุณ

พระวิญญาณบริสุทธิ์ ซึ่งมีรูปร่างเหมือนนกพิราบได้ลงมาอยู่กับพระองค์ จากนั้นมีเสียงหนึ่งดังมาจากสวรรค์ว่า “ลูกเป็นลูกที่รักของพ่อ พ่อพอใจลูกมาก”
ลูกา 3:22

คำสอนที่ว่า เรามีสิทธิส่วนในแผ่นดิน และเป็นลูกของพระองค์นั้นมีมากมายหลายบท ปรากฏในหลายพระธรรมด้วยกัน ดังที่จะกล่าวต่อไปนี้
พระเจ้ากล่าวถ้อยคำเหล่านี้กับพระเยซูตอนที่พระองค์รับพิธีจุ่มน้ำ พระเจ้าก็มีความรู้สึกแบบนั้นกับเราเมื่อเราเดินตามแบบอย่างของพระเยซูและรับพิธีจุ่มน้ำด้วย พระเยซูเทพระวิญญาณบริสุทธิ์ลงมาบนเรา (ทิตัส 3:4-7) เพื่อให้เรามั่นใจว่าเราเป็นลูกของพระเจ้า (เอเฟซัส 1:13-14) ไม่ว่าซาตานจะทำอย่างไรให้เาเกิดความสงสัยก็ตาม (ลูกา 4:3 ) เราสามารถมั่นใจได้ว่าเราเป็นลูกที่พระเจ้ารัก ที่พระเจ้าพอใจ เราสามารถเรียกพระเจ้าได้ว่า อับบา ที่แปลว่า พ่อ ได้ เพราะพระวิญญาณบริสุทธิ์ (กาลาเทีย 4:6) ได้ขอร้องวิงวอนเผื่อเราให้พระเจ้ารับรู้ความคิดในใจที่เราไม่สามารถพูดออกมาได้ (โรมัน 8:26-27)
เห็นหรือไม่ว่า หากเราทำตามพระวจนะเราจะได้หรับพระคุณมากมายเพียงใด การเชื่อขอให้เชื่ออย่างสุดจิดสุดใจ และให้พระคำฝังในเราจนปรากฏออกมาเป็นการกระทำที่เหมือนพระเยซูคริสต์เจ้า
เอเมน

Power by I9 จงทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอลูกที่รัก

วันศุกร์ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จงกลับตัวเสียใหม่ อย่าได้จำกัดตัวเอง

จงกลับตัวเสียใหม่ อย่าได้จำกัดตัวเอง

ดังนั้น กลับตัวกลับใจเสียใหม่ หันกลับมาหาพระเจ้า แล้วพระเจ้าจะลบล้างความบาปให้กับคุณ แล้วองค์เจ้าชีวิตก็จะให้ความสดชื่นกับคุณอีกครั้ง และพระองค์จะส่งพระเยซู ผู้ที่พระองค์ได้เลือกไว้ให้เป็นกษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่มาให้กับคุณอีกด้วย
กิจการ 3:19-20

จงกลับตัวเสียใหม่ อย่าได้จำกัดตัวเอง

บางครั้งในชีวิตเราเองทำโดยที่บอกว่าไม่ได้มีบัญญัติไว้ในพระคัมภีร์ อย่างการเล่นล็อตเตอรี่ หรื่องมึนเมาต่างๆ โดยอาจจะสมอ้างว่าไม่เคยมีในพระธรรมบทไหนว่าสิ่งนี้เป็นสิ่งนี้เป็นสิ่งผิด แต่นั่นไม่ใช่ข้ออ้างที่คุณจะเอามาอ้างได้ งั้นก็ไม่มีใครผิดสิ ยาบ้า ผง กัญชาไม่ได้มีในบัญญัติด้วย แต่เรื่องนี้คุณเองรู้อยู่แก่ใจว่ามันผิดหรือไม่ผิด
ครั้งสุดท้ายที่คุณรู้ตัวว่ากำลังห่างจากทางของพระบิดาเจ้านั้นคือเมื่อไหร่ เวลาแห่งการฟื้นฟูจะมาเมื่อเราเปลี่ยนจิตใจของเราและใช้ชีวิตเพื่อพระบิดาเจ้า และใช้ชีวิตในพระองค์ในทุกๆ วัน ที่จริงพระเยซูก็บอกไว้แล้วว่าพระองค์จะทรงปรากฏแก่เรา ถ้าเราใช้ชีวิตอย่างเชื่อฟังเพื่อพระองค์ ดังในยอห์น 14:15-21 พระองค์จะอยู่ในเราจนกว่าวันที่พระองค์จะกลับมา และเราก็จะได้มีความชื่นชมยินดีเป็นอย่างยิ่ง เมื่อได้กลับบ้านไปอยู่กับพระองค์ตลอดไป
พระธรรมข้อนี้ก็บอกอย่างชัดเจนหากท่านทำผิดก็ให้รีบกลับมาเดินในทางของพระองค์เสียใหม่  สารภาพและพระบิดาเจ้าจะทรงล้างบาปให้คุณแต่อย่าได้ใช้โอกาส โอ้พระบิดาเจ้าหรอ ท่านยกโทษให้หมดแหละกินๆ ไปเดียวสารภาพก็ได้รับความรอดแล้ว การสารภาพแต่ไม่ได้มีความคิดที่จะกลับมาเดินในทางพระองค์แต่ใช้ช่องการสารภาพในการทำผิดระวังมารมันจะตีท่านจนท่านคิดว่าพระบิดาเจ้าตีสอน ยังไงอย่าให้มารใช้ช่องนี้ในการแช่งสาปท่านได้ เมื่อรู้ว่าทำผิดให้รีบสารภาพ กลับใจเสียใหม่ แล้วความยิ่งใหญในพระองค์จะเป็นพรอยู่ในท่าน

พระเจ้าสามารถทำได้ทุกสิ่งมากยิ่งกว่าที่เราจะขอหรือคิดได้ ด้วยฤทธิ์อำนาจของพระองค์ที่กำลังทำงานอยู่ในตัวเรา ขอให้พระเจ้าได้รับเกียรติทั้งจากหมู่ประชุมของพระองค์ และจากพระเยซูคริสต์ทุกยุคทุกสมัยตลอดไป อาเมน
เอเฟซัส 3:20-21

อย่าได้จำกัดตัวเรา อย่าได้เชื่อในตัวเองให้มา "เรามีฤทธิ์อำนาจเกินกว่าที่เรารู้ ฤทธิ์อำนาจนี้ทำงานในตัวเรา" พระธรรม เอเฟซัส 1:18-19 รุ็หรือไม่ว่าเราเองมีสิทธิแห่งสัญญา แห่งฤทธิ์อำนาจ เกี่ยวข้องกับโอกาส ถึงสองโอกาสที่พระเจ้าให้เราในแต่ละวัน
อย่างแรกคือ การอ้อนวอนพระเจ้าอย่างสม่ำเสมอเพื่อขอให้พระองค์ทำสิ่งที่ยิ่งใหญ่ โดยขึ้นอยู่กับจินตนาการที่เต็มไปด้วยพระวิญญาณ ไม่ว่าเราจะทำอะไร การงาน การเรียร พระองค์จะทรงอยู่กับเรา
อย่างที่สองคือ การใช้ชีวิตอยู่ของเราที่จะนำพระสิริมาสู่พระเจ้า ดังนั้นให้เรามาอธิษฐานขอ จินตนาการ และถวายพระสิริแด่พระองค์ และให้เราสรรเสริญพระองค์ที่พระองค์ทำให้มากกว่าที่เราขอหรือคิดไว้ เมื่อพระองค์ได้รับเกียรติเราก็จะได้พระพร
เอเมน
Power by I9 พระธรรมสอนใจ 

วันพุธที่ 4 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน กระจกย่อมสะท้อนผู้ส่อง

พวกเราทุกคนที่ไม่มีผ้าคลุมหน้าแล้วก็มองเห็นความยิ่งใหญ่ขององค์เจ้าชีวิตเหมือนกับดูจากกระจก เรากำลังถูกเปลี่ยนให้เหมือนกับพระองค์ ทำให้เรามีเกียรติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้มาจากองค์เจ้าชีวิตผู้เป็นพระวิญญาณ
2 โครินธ์ 3:18

ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน กระจกย่อมสะท้อนผู้ส่อง

จากประโยค "ถูกเปลี่ยน...ทำให้เรามีเกียรติเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" มันแสดงว่าเป็นกระบวนการนี้ต้องมีต่อไปเรื่อยๆ และด้วยความช่วยเหลือจากพระวิญญาณบริสุทธิ์ เราจะไปถึงเป้าหมายของเราได้ โดยเปลี่ยนให้เราเหมือนกับพระเยซูนั่นเอง ขอเพียงแค่คุณอย่ายอมแพ้ในการเดินทางในชีวิตคริสเตียน ให้เรามองไปที่พระเยซูและไว้วางใจว่า พระวิญญาณบริสุทธิ์กำลังทำงานของพระเจ้าภายในเรา ทำให้เราเป็นเหมือนพระเยซูมากขึ้น มากขึ้นในแต่ละวัน 
เรี่ยวแรงกำลังของเรา แม้นแต่งานที่เราทำเมื่อเราทำเราก็ทำเพื่อพระองค์ แล้วงานที่เราทำก็จะไม่ลำบากคุณจะทำงานเดิมที่คุณเคยคิดว่าน่าเบื่อ คุณจะมองมันใหม่เป็นงานที่สนุก ไม่ได้ลำบากอะไรเลย เพราะเราได้รับกำลัง แรงกาย ที่มาจากพระองค์ ทำเพื่อถวายเกียรติกับพระองค์ 
ทำไมถึงเป็นเช่นนั้น เพราะขณะที่หลายคนบ่น เบื่อ ขี้เกียจ นั่นนี่สารพัด แต่เราบอกว่าขอบคุณพระบิดาเจ้ามราประทานเรี่ยวแรงให้ข้าพองค์ ตรงข้ามกันบุคคลอื่นที่บอกทำไมมันยากอย่างนี้ ทำอย่างไรเราจะทำได้ เราจะทำได้หรอ มันยากนะ แต่คุณต่าง คุณกับยิ้มได้ ทำงานอย่างมีความสุข

พี่น้องที่รัก ให้พวกคุณทุกคนเลียนแบบผม และให้จับตาดูคนพวกนั้นที่ทำตามแบบอย่างที่เราได้ให้ไว้กับคุณแล้ว
ฟิลิปปี 3:17

พระธรรมข้อนี้อาจจะเทียบได้กับคำที่ว่า "ตัวอย่างที่ดี มีค่ากว่าคำสอน" อย่าเพียงแค่เทศ หรือแค่สอน เพราะการสอนต่อให้คุณสอนบ่อยขนาดไหน บ่อยเพียงใด ไม่ว่าคุณจะอยู่ในตำแหน่งไหน ผู้นำโบส ผู้นำแคร์ แม่พ่อ หรือมีสิทธิที่จะสอน เชื่อไหมว่าการได้ยินแต่ได้เห็นสิ่งที่คุณทำตรงกับข้ามใครจะเชื่อคุณ  เพราะว่าคนส่วนใหญ่ต้องได้ยินได้เห็นข้อความที่สอนนั้นก่อนที่จะนำมาใช้ในชีวิตของพวกเขา 
หากจะสอนใครด้วยพระธรรมข้อนี้ละก็ ดูตังเองก่อนเลยว่าคุณเป็นอย่างไร เอากระจกจากข้อข้างบนมาส่องดูก่อนว่าเราเหมือนกัยพระเยซูมากเพียงใด 
เอเมน 

Power By I9 ตัวอย่างที่ดีมีค่ากว่าคำสอน กระจกย่อมสะท้อนผู้ส่อง

ความรักที่มีและคำแช่งสาป

เพราะว่าพระเจ้ารักผูกพันกับมนุษย์ในโลกนี้มาก จนถึงขนาดยอมสละพระบุตรเพียงองค์เดียวของพระองค์ เพื่อว่าทุกคนที่ไว้วางใจในพระบุตรนั้นจะไม่สูญสิ้น แต่จะมีชีวิตกับพระเจ้าตลอดไป พระเจ้าไม่ได้ส่งพระบุตรของพระองค์เข้ามาในโลกนี้ เพื่อตัดสินลงโทษโลกนี้ แต่เพื่อช่วยโลกนี้ให้รอดพ้น
ยอห์น 3:16-17



ความรักที่มีและคำแช่งสาป

พระธรรมข้อนี้บอกถึงว่าพระบิดาเจ้าทรงรักเรามาเพียงใด ความรักที่พระองค์ทรงมีให้นั้นมอบให้กับทุกคน โดยมอบพระเยซูมาเพื่อช่วยโลก พระองค์มาเพื่อช่วยเราทุกคน บางคนอาจจะมีคำถามว่าพระองค์มาเพื่อช่วยผมทำไมล่ะครับ ก็เพราะความรักของพระบิดาของเรานั่นเองที่ได้มอบให้กับเรา แล้วเราควรที่จะทำอะไรเพื่อพระองค์ เราก็มีหน้าที่เชื่อฟัง ทำตามพระบัญญัติ และพระมหาบัญชา


"เราจะทำให้เจ้ากับหญิงคนนั้นเป็นศัตรูต่อกัน ลูกหลานของเจ้ากับของหญิงนั้นจะเป็นศัตรูกัน ลูกหลานของหญิงคนนั้นจะทำให้หัวของเจ้าฟกช้ำ แล้วเจ้าจะทำให้ส้นเท้าของเขาฟกช้ำ”
ปฐมกาล 3:15

พระเจ้าสาปแช่งงูที่ล่อลวงเอวากับอดัมให้ทำบาป งู เป็นสัญลักษณ์ที่สื่อถึงซาตาน แม้ในยามที่พระองค์สาปแช่ง แม้ในยามที่พระองค์รู้ถึงการต่อสู้ระหว่างผู้หญิงและซาตาน พระองค์รักษาคำมั่นสัญญาของพระองค์ที่มีต่อเราว่าเราจะมีอนาคตที่ดีขึ้น ในพระเยซู อนาคตนั้นจะมาถึง ซาตานอาจดูเหมือนมีชัยชนะที่กางเขน แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไปหลังจากนั้นสามวัน พระเยซูมีชัยชนะเหนือความตาย พระองค์มีเพียงรอยฟกช้ำที่ส้นเท้าเท่านั้น ทำให้ซาตานมีอำนาจน้อยลง แผนการที่คิดว่าดีที่สุดและฤทธิ์อำนาจของซาตานถูกทำลายที่ทางออกของอุโมงค์ว่างเปล่าของพระเยซูแล้ว

Power By I9 ความรักที่มีและคำแช่งสาป

วันจันทร์ที่ 2 พฤศจิกายน พ.ศ. 2558

จงเห็นอกเห็นใจกันและกันเพื่อรากฐานที่มั่นคง

จงเห็นอกเห็นใจกันและกันเพื่อรากฐานที่มั่นคง

ดังนั้นในฐานะที่เราเป็นคนที่พระเจ้าได้เลือก เป็นคนของพระเจ้า และเป็นคนที่พระองค์รัก ก็ให้สวมใส่ความเห็นอกเห็นใจ ความมีน้ำใจ ความถ่อมตน ความสุภาพอ่อนโยน และความอดทน
โคโลสี 3:12

จงเห็นอกเห็นใจกันและกันเพื่อรากฐานที่มั่นคง

ลักษณะที่กล่าวมานั้นคือลักษณะที่พระบิดาเจ้าอยากให้เราเป็น และลักษณะนั้นคือลักษณะที่พระองค์เป็น เป็นเรื่องที่ไม่น่าเชื่อว่า พระเจ้ารักเราเหมือนลูกที่บริสุทธิ์ที่พระองค์ทรงเลือก จึงไม่แปลกเลยที่พระเจ้าเรียกเราให้มีชีวิตที่มีความเห็นอกเห็นใจกัน มีใจเมตตาต่อกัน มีความถ่อมใจ มีความสุภาพ และความอดทนต่อกันและกัน ลองคิดดูสิว่า พระบิดาของเราต้องมีสิ่งเหล่านี้ให้กับเราบ่อยแค่ไหน แล้วทำไมเราไม่แบ่งปันสิ่งที่พระเจ้าให้เราอย่างมากมายนี้ให้กับคนอื่นๆ ด้วยล่ะ
เพื่อเราเองได้เป็นที่รักของคนทุกคน และเป็นเกียรติต่อพระบิดาเจ้าเอง เพราะการเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้นคือชีวิตของคริสต์อยู่แล้ว แล้วเหตุอันใดจึงจะไม่เป็นสิริกับพระองค์ 

เพราะไม่มีใครที่จะมาวางรากฐานอื่นได้อีก นอกจากรากฐานอันที่ได้วางไว้แล้ว คือพระเยซูคริสต์
1 โครินธ์ 3:11

จริงๆ การตีความพระธรรมเพียงบางข้อเป็นเรื่องที่ไม่ดี แต่หากจะยกอ้างเราต้องเข้าใจ ความเป็นมาของบทนั้นๆ แล้วค่อยยก เพื่อไม่ให้เนื้อหาพลาดจากที่พระคัมภีร์ต้องการสื่อ วันนี้เลยของเอาเรื่องรากฐานขององค์พระเยซู มาเล่าให้ฟังละกัน องค์พระเยซู เป็นรากฐานที่สำคัญที่สุดเพียงอย่างเดียวที่จะเสริมสร้างคริสตจักรและคริสเตียน (1เปโตร 2: 4-7; เอเฟซัส 2:20) พระองค์เป็นผู้เดียวที่พระเจ้าส่งมาเพื่อช่วยเรา (ยอห์น 3:16) พระองค์ “เป็นทางนั้น เป็นความจริงและเป็นชีวิต ไม่มีใครไปถึงพระบิดาได้นอกจากมาทางพระเยซู (ยอห์น 14:6) ชื่อขององค์พระเยซูคริสต์เจ้าอยู่เหนือชื่ออื่นๆ เป็นชื่อที่เราจะคำนับกราบลง (ฟิลิปปี 2:5-11) ชื่อของพระองค์เป็นเพียงชื่อเดียวที่จะช่วยเราให้รอดได้ ( กิจการ 4:12) ให้เรามาใช้เวลานี้ในการถวายเกียรติแด่พระนามของพระเยซู ผู้เป็นพระเจ้าของเรา ด้วยจิตใจ ด้วยคำพูด และด้วยการกระทำของเรา

Power by I9 จงเห็นอกเห็นใจกันและกันเพื่อรากฐานที่มั่นคง